ขอนแก่น – 1 เดือนนับจากการเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม ทุกคนก็ทราบแล้วว่าพรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งแบบขาดลอย 265 ที่นั่ง จาก 500 ที่นั่งในรัฐสภา ฤดูการเลือกตั้งก็กำลังจะปิดฉากลง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดต่างๆ ก็ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลการลงคะแนนเสียงของจังหวัดของตน ซึ่งภาคอีสานนั้นยังคงรั้งอันดับท้ายในการออกมาใช้สิทธิเฉลี่ยของประเทศ

การเลือกตั้งปีนี้ มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในภาคอีสานร้อยละ 71.77 จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดของภาค ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอยู่ร้อยละ 3 ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ไม่ต่างกันนักกับผลการใช้สิทธิใน พ.ศ. 2550 อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งในภาคอีสานในปัจจุบันก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2548 ซึ่งมีผู้มาลงคะแนนเสียงเพียงร้อยละ 67.66 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศเกือบร้อยละ 5 ถึงแม้ว่าอุณหภูมิความขัดแย้งทางการเมืองจะเพิ่มมากขึ้นในหลายปีที่ผ่านมาแต่การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งของผู้มีสิทธิภาคอีสานระหว่าง พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2554 ก็แทบจะไม่เปลี่ยนแปลง

ในวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา การที่พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะก็ไม่ได้เป็นที่น่าแปลกใจเท่าใดนัก พรรคใหม่ที่นำโดย คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มีรากฐานมาจากพรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร  ซึ่งเป็นพรรคมีส่วนทำให้มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างมาก ใน พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นเวลา 8 ปีหลังจากมีการออกกฎหมายการว่าด้วยการเลือกตั้ง

นโยบายประชานิยมที่นายทักษิณได้ดำเนินการ ในขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยแรก ได้เป็นแรงบันดาลใจให้ชาวบ้านในเขตเลือกตั้งชนบทที่ถูกทอดทิ้งในอดีตเข้ามามีส่วนร่วมในการใช้สิทธิเลือกตั้งใน พ.ศ. 2548 เพื่อเลือกพรรคไทยรักไทยให้มาจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งด้วยคะแนนเสียงอันท่วมท้น โครงการดูแลสุขภาพแบบครอบคลุม การลงทุนขนาดเล็กในโครงการกองทุนหมู่บ้านและนโยบายสวัสดิการอื่น ๆ ได้ดึงดูดฐานสนับสนุนจากชาวอีสานในชนบทในลักษณะที่ไม่เคยมีมาก่อน อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ประชาชนในชนบทได้แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมมากขึ้นในการเลือกตั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็ยังถือว่าไม่มากพอเมื่อเทียบกับสถิติภาพรวมของประเทศ

ตั้งแต่การทำรัฐประหารเมื่อ พ.ศ. 2549 ที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องพ้นจากตำแหน่ง ก่อให้เกิดความไม่สงบทางการเมืองและเกิดความกลัวต่อการล่มสลายของระบอบประชาธิปไตยไปทั่วประเทศ ในสื่อต่างๆ ในห้องเรียน และในการชุมนุมทั่วประเทศ คนไทยได้เริ่มถกเถียงกันอย่างเปิดเผยถึง ความจำเป็นในการปฏิรูปประชาธิปไตย และหลายคนหวังว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้ จะทำให้มีผู้มาใช้สิทธิทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์อีกครั้งแม้แต่ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 นี้ กรรมการ กกต.คุณสดศรี สัตยาธรรม ยังได้คาดการณ์ว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิถึงร้อยละ 80 ท่านกล่าวว่าความต้องการของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ ปรารถนาจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เป็นรูปธรรม เป็นเหตุผลที่ทำให้มีผู้มาลงคะแนนมากขึ้นแต่ในที่สุดแล้ว จำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งนั้นก็มิได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เมื่อเทียบจาก พ.ศ. 2550

แหล่งที่มา: คณะกรรมการการเลือกตั้ง

แหล่งที่มา: คณะกรรมการการเลือกตั้ง

 

แหล่งที่มา: คณะกรรมการการเลือกตั้ง

แหล่งที่มา: คณะกรรมการการเลือกตั้ง

ข้อมูล ที่นี่

image_pdfimage_print