วานนี้ (27 ธันวาคม 2559) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานว่าเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายทหารค่ายสีหราชเดโชไชย จ.ขอนแก่นได้เข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรชุมแพ จ.ขอนแก่น เพื่อขอถอนคำร้องทุกข์ที่ให้ดำเนินคดีกับ นายศรายุทธ ฤทธิพิณ นักข่าวสำนักข่าวปฏิรูปที่ดินอีสาน และนายเจด็จ แก้วสิงห์ ชาวบ้านบ้านซำผักหนาม นักกิจกรรมด้านที่ดิน ในข้อหาหมิ่นประมาทและละเมิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 นายศรายุทธได้เขียนข่าวเผยแพร่เรื่อง “ทหารบุกบ้านนักปกป้องสิทธิที่ดินภูผาม่าน อ้างโพสต์ข้อความทำทหารเสียหาย” ลงในสำนักข่าวออนไลน์หลายแห่ง อาทิ นักข่าวพลเมืองในเว็บไซต์ไทยพีบีเอส และประชาไท เนื่องจากวันที่ 6 สิงหาคม ทหารหนึ่งคันรถได้เดินทางไปขอพบนายเจด็จที่บ้านพักอาศัย โดยอ้างว่านายเจด็จได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กให้ทหารเสียหาย แต่วันนั้นมีเพียงมารดาวัย 60 ปี อยู่ที่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางกลับไป

ราวหนึ่งเดือนหลังจากนั้น ร.ท.เลิศชัยจรูง วุฒิสาร จากกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 8 ได้แจ้งความนายศรายุทธ และนายเจด็จ ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรือข้อมูลอันเป็นเท็จ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ณ สถานีตำรวจภูธรชุมแพ จ.ขอนแก่น

อนึ่ง นายเจด็จได้ทำงานเคลื่อนไหวเรื่องปกป้องที่ดินในพื้นที่ภูผาม่าน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ซึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนฝืนป่าจากรัฐบาล คสช. ช่วงเดือนมิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งทางชาวบ้านเห็นว่าชุมชนขาดการมีส่วนร่วมพิจารณา นายเจด็จเป็นแกนนำพาชาวบ้านหลายคนเดินทางไปที่ตัวอำเภอเพื่อพูดคุยกับหัวหน้าอุทยานฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อพูดคุยเจรจาหาทางออกร่วมกัน ส่วนนายศรายุทธ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่กองเลขานุการเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสานและเป็นผู้สื่อข่าวของเครือข่ายฯ ทำหน้าที่รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิในที่ดินทำกิน

นายศรายุทธให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกดีที่เจ้าหน้าที่เข้าใจในการทำงานของตน โดยเฉพาะการทำหน้าที่เป็นนักปกป้องสิทธิฯ ช่วยเหลือชาวบ้านผู้เดือดร้อนเรื่องสิทธิในที่ดินทำกิน

“ผมรายงานข่าวตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง คือการที่เจ้าหน้าที่ทหารบุกบ้านนักปกป้องสิทธิที่ดินภูผาม่านนั้นทำให้ชาวบ้านรู้สึกตกใจ หวาดกลัวจริง” นายศรายุทธกล่าว “ผมยืนยันว่าการทำงานของผมไม่มีการแอบแฝงหรือใส่ร้ายการทำงานของเจ้าหน้าที่ทหาร และข้อมูลที่รายงานไปนั้นไม่มีข้อความหมิ่นหรือทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียหายทั้งสิ้น”

ภาพภาพนี้ถ่ายโดยเพื่อนบ้านของนางบุญรอด แก้วสิงห์ มารดาของนายเจด็จ แก้วสิงห์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารหนึ่งคันรถเดินทางมาขอพบ และกดดันให้ออกจากพื้นที่ภูผาม่าน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น โดยทหารอ้างว่านายเจด็จโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กทำให้ทหารเสียหาย ทั้งนี้ นายเจด็จปฏิเสธว่าไม่เคยโพสต์เรื่องการเมือง แต่น่าจะเป็นการถูกคุกคามเนื่องจากการรณรงค์เรื่องสิทธิในที่ทำกินของตนมากกว่า

ภาพภาพนี้ถ่ายโดยเพื่อนบ้านของนางบุญรอด แก้วสิงห์ มารดาของนายเจด็จ แก้วสิงห์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารหนึ่งคันรถเดินทางมาขอพบ และกดดันให้ออกจากพื้นที่ภูผาม่าน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น โดยทหารอ้างว่านายเจด็จโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กทำให้ทหารเสียหาย ทั้งนี้ นายเจด็จปฏิเสธว่าไม่เคยโพสต์เรื่องการเมือง แต่น่าจะเป็นการถูกคุกคามเนื่องจากการรณรงค์เรื่องสิทธิในที่ทำกินของตนมากกว่า

เป็นเวลากว่า 2 เดือนกว่าหลังจากได้รับหมายเรียกกลางเดือนตุลาคม 2559 นายศรายุทธและนายเจด็จ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อองค์กรสิทธิมนุษยชนในประเทศและระหว่างต่างประเทศ เพื่อยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทหารดำเนินการฟ้องร้องตนและเพื่อนนักกิจกรรมนั้นไม่ยุติธรรม ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนคนทำงานปกป้องสิทธิฯ โดยทั้งสองได้ไปยื่นหนังสือที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม โดยมีมูลนิธิผสานวัฒนธรรมที่ทำหน้าที่ประสานงานจนกระทั่งมีการถอนฟ้อง

นอกจากนั้น ในวันสิทธิมนุษยชนสากล เมื่อวันที 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา สถานทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ได้เชิญนายศรายุทธ ร่วมทานอาหารค่ำและมีการพูดคุยถึงกรณีนี้ด้วย

“มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอชื่มชมบทบาทของผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการเพื่อให้เกิดการถอนฟ้อง ทั้งนี้เพื่อให้ชาวบ้านและนักกิจกรรมด้านสิทธิในที่ดินได้ทำงานตามหน้าที่ของตนโดยเป็นสื่อกลางประสานความเข้าใจระหว่างรัฐกับประชาชนต่อไป” มูลนิธิผสานวัฒนธรรมระบุ

image_pdfimage_print