ศาลทหารเลื่อนสืบพยานคดีขอนแก่นโมเดล

ขอนแก่น – ศาลทหารขอนแก่นเลื่อนสืบพยานคดีขอนแก่นโมเดลออกไปเป็นวันที่ 28 เม.ย. ที่จะถึงนี้เนื่องจากพยานโจทก์ที่อยู่ในเหตุการณ์จับกุมตัวจ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ ไม่มาขึ้นศาล 2 ปาก ด้านทนายความจำเลยเผยต้องเลื่อนคดีเพราะเกรงจำเลยเสียเปรียบหากซักค้านพยานไม่พร้อมกัน  

ศาลมณฑลทหารบกที่ 23 จ.ขอนแก่น นัดสืบพยานโจทก์ในคดีขอนแก่นโมเดล เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมี จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 26 คน เป็นจำเลยในความผิดหลายกระทง อาทิ ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง ร่วมกันตระเตรียมก่อการร้าย ซ่องโจร มีอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง เตรียมการก่อความวุ่นวาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2557 หลังจากคสช.ยึดอำนาจเพียงวันเดียว

ทั้งนี้ จ.ส.ต.ประธินถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเป็นคนแรก ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น ซึ่งจ.ส.ต.ประธินทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ต่อมามีการจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 21 คน ที่อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งในจ.ขอนแก่น สุดท้ายมีการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มรวมทั้งหมด 26 คน

นายปกาสิต ไตรยสุนันท์ หัวหน้าทีมทนายความฝ่ายจำเลย คดีขอนแก่นโมเดล สังกัดสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ

รายงานของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยน ระบุว่า หลังการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดถูกฝากขังที่เรือนจำกลาง จ.ขอนแก่น ต่อมาศาลทหารอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 26 คน โดยทยอยประกันตัวระหว่างเดือน ต.ค. 2557 – ก.พ. 2558

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2558 จ.ส.ต.ประธินพร้อมจำเลยในคดีขอนแก่นโมเดลอีก 3 คนถูกออกหมายจับพร้อมกับบุคคลอื่นๆ รวม 9 คน ในคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีการแถลงข่าวว่า ทั้งผู้ต้องหาทั้ง 9 คนเตรียมการก่อเหตุร้ายในกิจกรรม Bike for Dad เมื่อปี 2558 ทำให้จ.ส.ต.ประธินถูกคุมขังในเรือนจำตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

การนัดสืบพยานโจกท์ครั้งนี้เป็นการสืบพยานปากที่ 4 และทนายจำเลยจะซักค้านพยานโจทก์ปากที่ 2-4 ซึ่งเป็นพยานคู่ หรือ พยานที่อยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน คือ เหตุการณ์จับกุม จ.ส.ต.ประธิน หลังจากพยานปากที่ 2 และปากที่ 3 ขึ้นเบิกความไปแล้วเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2559  

พนักงานอัยการนัดพยานโจทก์มาให้การต่อศาล 3 ปาก คือ พ.อ.พยัคฆพล ชุมแสง ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 6 ค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่น พยานที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดจับกุมจำเลยที่ 1 ร.อ.ธนนันท์ มานะยิ่ง รองผู้บังคับกองร้อยรถถัง กองพันทหารม้าที่ 6 พยานที่ 3 ซึ่งอยู่ในชุดจับกุมจำเลยที่ 1 และ ส.อ.สังวร บุญราษฎร์ หัวหน้างานของจำเลยที่ 1 พยานที่ 4

เมื่อถึงเวลา พ.อ.พยัคฆพลไม่มาให้การเพราะติดราชการ และ ส.อ.สังวรไม่มาให้การเพราะอ้างว่าไม่ได้รับหมายศาล ทนายความจำเลยจึงขอให้ศาลเลื่อนการสืบพยานออกไป เนื่องจากทนายความจำเลยต้องการถามค้านพยานทั้ง 3 ปากในคราวเดียวเพื่อเป็นประโยชน์ทางคดีของฝ่ายจำเลย ศาลจึงสั่งให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์ออกไปเป็นวันที่ 28 เม.ย.นี้

นายปกาสิต ไตรยสุนันท์ หัวหน้าทีมทนายความจำเลย สังกัดสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ กล่าวถึงสาเหตุที่ขอให้ศาลเลื่อนสืบพยานโจกท์ว่า ทนายความควรจะต้องถามค้านพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้ง 3 ปากในคราวเดียวกัน เพราะหากไม่ถามค้านพยานทั้ง 3 ปากพร้อมกัน พยานที่เหลืออาจเตรียมตัวมาก่อนเพราะรู้ล่วงหน้าว่าทนายความจะถามค้านในเรื่องใด ซึ่งจะเป็นข้อเสียเปรียบของฝ่ายจำเลย

“ทนายความจำเลยจึงขอให้เลื่อนการสืบพยานโจกท์และการถามค้านพยานในครั้งนี้ออกไปก่อน โดยขอให้อัยการนำพยานโจทก์คนล่าสุดที่อยู่ในเหตุการณ์เดียวกันมาเบิกความให้เสร็จสิ้นก่อน หลังจากนั้นฝ่ายจำเลยจะถามค้านในคราวเดียว ซึ่งศาลอนุญาตให้เป็นไปตามนั้น” นายปกาสิตกล่าว

นายวิชา เป็นสกุล จำเลยที่ 11 ในคดีขอนแก่นโมเดล ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมภายในอาพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง กลางเมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2557 ในข้อหาเตรียมก่อการร้ายและมีอาวุธปืน วัตถุระเบิด เตรียมก่อความวุ่นวายในเมืองขอนแก่น

นายวิชา เป็นสกุล ชาวจังหวัดชัยภูมิ จำเลยที่ 11 ในคดีขอนแก่นโมเดล เล่าถึงเหตุการณ์ช่วงที่ถูกจับกุมว่า ช่วงนั้นตนว่างงานจึงไปพักอาศัยอยู่กับเพื่อนที่จ.ชัยภูมิ จากนั้นเพื่อนชวนเดินทางไปยังอพาร์ทเมนต์ที่เกิดเหตุที่จ.ขอนแก่น พอไปถึงอพาร์ทเมนต์ 10 นาทีต่อมาก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวพร้อมกับเพื่อนในข้อหาเตรียมการก่อการร้ายและมีอาวุธสงคราม
นายวิชากล่าวว่า ถึงแม้จะได้รับการประกันตัวแต่ชีวิตก็อยู่อย่างลำบาก เพื่อนบ้านก็เลิกติดต่อเนื่องจากตนถูกกล่าวหาในคดีร้ายแรง การหางานทำก็ยาก หนี้สินก็เพิ่มขึ้น เงินก็ใกล้จะหมดแล้ว การเดินทางมาศาลทุกครั้งต้องขอติดรถจำเลยคนอื่นมาเพราะไม่มีค่าเดินทาง

image_pdfimage_print