ขอนแก่น – ศาล มทบ.23 เลื่อนสืบพยานโจทก์คดีไผ่ ดาวดิน ชูป้ายต้านรัฐประหาร เนื่องจากพยานไม่มาศาล ศาลยังอนุญาตให้อัยการทหารแก้ไขคำฟ้อง ให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่น

ไผ่ ดาวดิน ถูกควบคุมตัวกลับทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดขอนแก่น หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาคดี โดยมีประชาชนมาให้กำลังใจราว 30 คน
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2560 ศาลมณฑลทหารบกที่ 23 (มทบ.23) ค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่น นัดสืบพยานโจทก์คดีนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ที่ถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ฐานร่วมกันชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป เมื่อถึงเวลานัดหมาย พยานโจทก์ทั้งสองคน ได้แก่ นักข่าวท้องถิ่นที่บันทึกภาพเหตุการณ์ และพ.ต.อ.พิสิฐ หลวงเทพ พนักงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น ไม่มาขึ้นศาล เนื่องจากไม่ได้รับหมายเรียก กรณีนักข่าวท้องถิ่น ที่อยู่ในบัตรประชาชนไม่ตรงกับที่อยู่จริง ส่วนกรณี พ.ต.อ.พิสิฐ ย้ายสถานที่ทำงาน อัยการศาลทหารจึงแจ้งที่อยู่ใหม่ของพยานทั้งสองปากให้ผู้พิพากษาทราบ ผู้พิพากษานัดสืบพยานอีกครั้งในวันที่ 20 พ.ย. 2560 เวลา 8.30 น.
แม้ว่าจะไม่มีการสืบพยาน แต่มีประเด็นที่อัยการศาล มทบ.23 ยื่นขอแก้ไขคำฟ้อง เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2560 โดยขอให้ศาลนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษจำคุกจำเลยคดีแจกใบปลิวรณรงค์ประชามติ ของศาลจังหวัดภูเขียว และนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของศาลจังหวัดขอนแก่น และมิให้หักวันคุมขังคดีนี้ออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษาของคดีนี้ เนื่องจากทับซ้อนกับวันรับโทษจำคุกในสองคดีดังกล่าว
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า คำขอท้ายฟ้องนี้อาจมีผลให้นายจตุภัทร์จะต้องถูกจำคุกต่อจาก 2 ปี 6 เดือน ซึ่งเป็นโทษในคดี 112 โดยไม่หักช่วงเวลาที่นายจตุภัทร์ถูกขังระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ศาลจังหวัดขอนแก่นขังนายจตุภัทร์ในคดี 112 (นับตั้งแต่วันที่นายประกันขอถอนประกัน คือ วันที่ 27 มี.ค. 2560 จนถึงวันที่ศาล มทบ.23 จะมีคำพิพากษา)
ทนายความจำเลยได้คัดค้านการแก้ไขคำฟ้องเพราะเป็นการขอแก้คำฟ้องในขณะสืบพยาน ทำให้จำเลยเสียเปรียบ และเอกสารแนบท้ายคำร้องโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ จึงขอให้ยกคำร้องโจทก์ ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เนื้อหาในคำขอแก้ไขเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดวันกำหนดโทษ ซึ่งไม่ใช่การแก้ไขส่วนของพฤติการณ์ในการกระทำผิดหรือรายละเอียดในการกระทำผิดของจำเลย และเห็นว่าการแก้ไขไม่ได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการสู้คดี ส่วนที่อ้างว่าเอกสารแนบท้ายคำฟ้องไม่น่าเชื่อถือ ศาลตรวจสอบแล้วพบว่าเอกสารดังกล่าวแม้เป็นสำเนา แต่มีเจ้าพนักงานศาลยุติธรรมชำนาญการรับรองเอกสาร เอกสารดังกล่าวจึงรับฟังได้ และอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องตามคำร้องของโจทก์ได้
ที่ศาล มทบ.23 มีเพื่อน ญาติมิตร และประชาชนมาให้กำลังใจนายจตุภัทร์ประมาณ 30 คน โดยเจ้าหน้าที่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมนายจตุภัทร์ที่ห้องขังในศาลได้รอบละ 10 คน ส่วนการเข้าฟังการพิจารณาคดี เนื่องจากห้องพิจารณาคดีค่อนข้างคับแคบ ศาลจึงอนุญาตให้เข้าฟังได้เพียง 15 คน โดยสามารถจดบันทึกได้ แต่ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพและเสียงตามปกติ
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2558 นายจตุภัทร์ และสมาชิกกลุ่มดาวดิน ได้แก่ นายอภิวัฒน์ สุนทรารักษ์ นายพายุ บุญโสภณ นายภานุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ นายสุวิชชา ฑิพังกร นายศุภชัย ภูครองพลอย และนายวสันต์ เสธสิทธิ ร่วมกันทำกิจกรรมครบรอบ 1 ปีรัฐประหาร ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น แล้วถูกเจ้าหน้าที่จับกุม แต่นักศึกษาทั้ง 7 คน ให้การปฏิเสธทุกข้อหา และได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ต่อมานักศึกษาทั้ง 7 คนแสดงการอารยะขัดขืนไม่เข้ารายงานตัวตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน
ต่อมานายจตุภัทร์ถูกจับกุมจากกรณีแจกใบปลิวรณรงค์ประชามติ ที่ตลาดสดภูเขียว จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2559 นายจตุภัทร์ได้รับการประกันตัวจากศาลจังหวัดภูเขียวในวันที่ 19 ส.ค.2559 และถูกเจ้าหน้าที่อายัดตัวตามหมายจับคดีนี้ และถูกส่งตัวให้อัยการศาล มทบ.23 ซึ่งนำมาสู่การดำเนินคดีนายจตุภัทร์คนเดียวจนถึงปัจจุบัน