โดยศตานนท์ ชื่นตา
วันที่ 29 ก.ย. 2560 นับเป็นครั้งที่ 6 แล้ว ที่ฉันต้องไปที่สำนักงานอัยการจังหวัดสว่างแดนดิน หลังจากที่โดนกล่าวหาเป็นผู้จัดการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต เรียกสั้นๆ ว่า ทำผิดพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ตัั้งแต่เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2560 นายศตานนท์ ชื่นตา เดินทางไปเซ็นรับทราบการเลื่อนพิจารณาสำนวนคดี ครั้งที่ 6 ที่ สำนักงานอัยการจังหวัดสว่างแดนดิน จ.สกลนคร
ครั้งแรกวันที่ 24 เม.ย. 2560
หลังจากผ่านกระบวนการรับทราบข้อกล่าวหาโดยฉันปฏิเสธข้อกล่าวหาต่อพนักงานสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอวานรนิวาส โดยยืนยันต่อสู้คดีเพราะฉันไม่ผิดแล้ว มีการนัดหมายเพื่อยื่นสำนวนคดี ที่สำนักงานอัยการจังหวัดสว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ว่า จะส่งสำนวนคดีฟ้องศาลหรือไม่ นั่นคือครั้งแรกที่ฉันได้มาที่สำนักงานอัยการฯ
หมายนัดฉันคือเวลา 9.00 น. เมื่อฉันมาถึงสำนักงานอัยการฯ สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือ กลุ่มพี่น้องภาคีเครือข่ายภาคประชาชนอำเภอวานรนิวาสที่คัดค้านการทำเหมืองแร่โปแตชจำนวนมากที่มาให้กำลังใจฉัน และร้องตะโกนว่า “เราจะไม่ทิ้งกัน” มันเป็นคำพูดที่ซาบซึ้งตรึงใจที่สุด แล้วเราก็พูดคุยแลกเปลี่ยนถามไถ่ซึ่งกันและกัน จนเวลาเกือบ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรวานรนิวาสจึงมาส่งสำนวน หลังจากที่ปล่อยให้พวกเรารอเกือบ 2 ชั่วโมง
ฉันเลยถือโอกาสยื่นหนังสือ “ขอความเป็นธรรม” กับอัยการเพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ หลังจากได้รับคำแนะนำจากอัยการ ฉันจึงเซ็นชื่อรับทราบโดยมีการนัดมารับฟังคำพิจารณาคดีว่าจะส่งฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 27 เม.ย. 2560 ตอนนั้นฉันรู้สึกดีใจที่ได้รับคำแนะนำซึ่งเป็นแนวทางที่ดี และมีแนวโน้มว่าคดีของฉันจะจบเร็ว
ครั้งที่ 2 วันที่ 27 เม.ย. 2560
ฉันมีความรู้ที่ดี ที่เต็มเปี่ยม สิ่งแรกที่ฉันเห็นอีกครั้งคือ กลุ่มพี่น้องภาคีเครือข่ายฯ ที่มากันแต่เช้าและมากกว่าเดิม มันเป็นความรู้สึกที่่บอกไม่ถูก ดีใจที่สุด เวลา 10.00 น. อัยการแจ้งแก่ฉันว่า “ได้ส่งสำนวนของฉันให้สำนักงานอัยการ ภาค 4 ที่ จ.ขอนแก่น ช่วยพิจารณาคดี” และบอกให้ฉันมาฟังการพิจารณาสำนวนอีกครั้ง ในวันที่ 27 มิ.ย. 2560 ความรู้สึกฉันคือ “เอาวะ” เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ ฉันจึงต้องปฏิเสธข้อกล่าวหา นานแค่ไหนฉันก็จะสู้จะรอ ฉันจึงเซ็นรับทราบ
ครั้งที่ 3 วันที่ 27 มิ.ย. 2560
2 เดือนผ่านไป ฉันลุ้นเต็มที่ว่าอัยการภาค 4 จะพิจารณาต่อสำนวนคดีฉันเช่นไร แต่สิ่งที่ฉันเห็นคือ สำนวนยังอยู่ที่สำนักงานอัยการจังหวัดสว่างแดนดิน สำนวนยังไม่ถูกส่งไปยังสำนักงานอัยการ ภาค 4 เลย และมีการเลื่อนนัดฉันอีกครั้งไปเป็นวันที่ 27 ก.ค. 2560 ความรู้สึกฉันเริ่มแปลกใจ แต่ฉันก็เซ็นรับทราบ

ฉันต้องเซ็นรับทราบทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนัดหมายตามกฎระเบียบของอัยการ
ครั้งที่ 4 วันที่ 27 ก.ค. 2560
ฉันยังมา “เซ็นรับทราบ” การเลื่อนนัดฟังการพิจารณาสำนวนคดีออกไปอีก เพราะได้โทรศัพท์มาสอบถามก่อนล่วงหน้าแล้ว และทราบว่าจะเลื่อนวันไปวันที่ 29 ส.ค. 2560 ความรู้สึกของฉันมันเริ่มเกิดคำถาม
ครั้งที่ 5 วันที่ 29 ส.ค. 2560
ถึงรู้ว่า การพิจารณาคดีของฉันต้องเลื่อนไปอีก “ฉันก็ต้องมาเซ็นรับทราบ” พี่ทนายที่เป็นทั้งทนายความอาสาและเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของฉันและชาวบ้านได้กำชับไว้เสมอว่าให้ทำตามขั้นตอนเพราะไม่เช่นนั้นฉันอาจโดนข้อหาอื่นเพิ่มอีก และไม่เป็นผลดีถ้ามีการส่งฟ้องศาล ศาลอาจมองเห็นว่าฉันไม่ใส่ใจคดีที่มีการนัดหมาย “ฉันจึงต้องมาเซ็นรับทราบถึงจะมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย” โดยอัยการให้มาอีกทีในวันที่ 28 ก.ย. 2560
ครั้งที่ 6 วันที่ 29 ก.ย. 2560
ฉันยังต้องมา “ถึงรู้ว่าการพิจารณาสำนวนคดีต้องเลื่อนออกไปอีก” ฉันมาช้าไป 1 วัน หลังแจ้งเหตุผลผ่านเสียงตามสายโทรศัพท์เพราะฉันต้องดูแลพี่สาวที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดระยะ 4 ตามที่คุณหมอนัดหมาย
ลำบากขนาดไหน ฉันก็ยังไป “เซ็นรับทราบการเลื่อนพิจารณา” เพื่อยืนยันถึงความบริสุทธิ์และใส่ใจของฉัน ครั้งต่อไปนัดหมายวันที่ 31 ต.ค. 2560 ฉันยังยืนยันที่จะที่ตามหน้าที่ที่ฉันถูกยัดเยียด ต่อไป
แม้จะต้องเสียเวลา เสียทรัพย์ โดยใช่เหตุ
แม้จะโดนเฝ้าจับตามมองให้หวาดกลัว ติดตาม ตลอดที่ฉันเคลื่อนไหวแสดงออก
แม้จะโดนกลั่นแกล้ง ข่มขู่คุกคามให้กลัว ดูถูกความเป็นมนุษย์ ดูถูกจิตสำนึก สติปัญญาของฉันเพียงไร
ฉันก็ยังจะสู้ต่อไป และฉัน พี่น้องของฉัน ที่ยืนอยู่เคียงข้างฉันตลอดเวลา เรายิ่งรักสามัคคีกลมเกลียวและเข้มแข็งขึ้นมายิ่งกว่าเดิม
“เราจะไม่ทิ้งกัน”
ศตานนท์ ชื่นตา เป็นผู้เข้าอบรมโครงการอบรมนักข่าวภาคอีสานของเดอะอีสานเรคคอร์ด ประจำปี 2560