มหาสารคาม – คณบดีและผู้บริหารคณะพยาบาลศาสตร์ มมส. หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลกรณีการซ้อมสแตนเชียร์ของนิสิตชั้นปีที่ 1 ที่พบว่ามีกฎละเมิดเสรีภาพทางร่างกายและปรับเงินนิสิต ขณะที่นิสิตชั้นปีที่ 1 ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงซึ่งเกิดจากมติของกรรมการรุ่นและรุ่นพี่

คณะพยาบาลศาสตร์ ม.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2561
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2561 เพจเฟซบุ๊ค “แอนตี้โซตัส” เผยแพร่ข้อความกลุ่มเฟซบุ๊คชื่อ ”ดอกปีบช่อที่ 21” หรือ กุล่มเฟซบุ๊คของนิสิตชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ถึงกฎการเข้าซ้อมแสตนเชียร์และบทลงโทษ การแข่งขันกีฬาภายในของคณะฯ ว่ามีการบังคับเรื่องการแต่งกาย การไว้ทรงผม และปรับเงินตั้งแต่ 150 – 300 บาท หากลาหรือขาดเข้าซ้อมเชียร์
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวเดอะอีสานเรคคอร์ดลงพื้นที่สืบหาข้อเท็จจริง โดยเดินทาไปที่ตึกคณะพยาบาลศาสตร์ มมส. เพื่อขอเข้าพบนางดรุณี รุจกรกานต์ คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์
หลังสอบถามเจ้าหน้าที่เลขานุการที่ห้องสำนักงานคณะพยาบาลศาสตร์ ทำให้ทราบว่า นางดรุณีไม่สะดวกให้สัมภาษณ์
เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวแนะนำให้ผู้สื่อข่าวไปพูดคุยกับนายสุรชาติ สิทธิปกรณ์ รองคณบดีคณะพยาบาลศาสร์ ฝ่ายวิชาการ ที่ห้องฝ่ายวิชาการ อีกด้านหนึ่งของอาคารแทน
เมื่อผู้สื่อข่าวมาถึงห้องฝ่ายวิชาการ พบเจ้าหน้าที่หญิงนั่งทำงานอยู่ 4 คน หลังบอกถึงที่มาและจุดประสงค์ในการขอสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งได้โทรศัพท์ติดต่อกับนายสุรชาติ แล้วแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า นายสุรชาติพร้อมให้สัมภาษณ์ เพียงแต่ขณะนี้นายสุรชาติอยู่ระหว่างการประชุมขอให้ผู้สื่อข่าวรอสักครู่
ระหว่างรอนายสุรชาติ ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่คนอื่นในห้องฝ่ายวิชาการ ได้ข้อมูลว่า อาจารย์และนิสิตมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของการนำเรื่องภายในคณะไปเผยแพร่ในเพจเฟซบุ๊คแอนตี้โซตัส และมีนิสิตรุ่นพี่คณะพยาบาลศาสร์บางคนไม่พอใจ และได้โพสต์ข้อความตอบโต้ในเพจเฟซบุ๊คแอนตี้โซตัส
อีกสี่สิบนาทีต่อมา เจ้าหน้าที่คนเดิมได้โทรศัพท์ไปสอบถามนายสุรชาติอีกครั้ง และแจ้งผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้นายสุรชาติประชุมเสร็จแล้ว แต่ขอเวลาคุยโทรศัพท์ส่วนตัวอีกสักครู่
ผ่านไปอีกสิบห้านาที เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวรับโทรศัพท์จากปลายสายไม่ทราบแน่ชัดว่าใครโทรศัพท์หา หลังจากวางสาย เจ้าหน้าที่แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า รองคณบดีฝ่ายวิชาการขอเปลี่ยนสถานที่ให้สัมภาษณ์ โดยให้ผู้สื่อข่าวไปสัมภาษณ์ที่ห้องสำนักงานคณะพยาบาลศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ผู้สื่อข่าวได้ไปติดต่อ
เมื่อผู้สื่อข่าวกลับไปถึงห้องสำนักงานคณะพยาบาลศาสตร์ ไม่พบเจ้าหน้าที่เลขานุการคนก่อนหน้า พบเพียงเจ้าหน้าที่อีกผู้หนึ่ง ซึ่งขอให้ผู้สื่อข่าวเดินทางกลับไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า ขณะนี้คณะผู้บริหารทั้งหมดรวมทั้งรองคณบดีฝ่ายวิชาการไม่อยู่ เนื่องจากติดราชการงานสัมมนาที่ต่างจังหวัด
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงประเด็นของการบังคับนิสิตชั้นปีที่ 1 ให้เข้าร่วมซ้อมแสตนเชียร์และบทลงโทษ กลับได้รับคำตอบเพียงว่า คณะพยาบาลศาสตร์เพิ่งทราบเรื่อง และยังไม่มีข้อมูลมากนัก ต้องรอคณะผู้บริหารกลับมาจึงจะสามารถให้รายละเอียดได้ จากนั้นปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หรือให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้สัมภาษณ์ในทุกกรณี

กฎการเข้าซ้อมแสตนเชียร์กีฬาภายในของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ ม.มหาสารคาม ภาพจากเพจเฟซบุ๊ค “Anti Sotus”
วันต่อมา เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวนัดพูดคุยกับ นางสาวเอ (นามสมมุติ) นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มมส. นางสาวเอยอมรับว่า กฎข้อบังคับในการเข้าซ้อมแสตนเชียร์และบทลงโทษที่ปรากฏในเพจเฟซบุ๊คแอนตี้โซตัสเป็นเรื่องจริง โดยเกิดจากมติของกรรมการรุ่นและรุ่นพี่ที่ร่วมกันคิดขึ้น โดยอ้างว่ามีความจำเป็นต้องบังคับใช้ เนื่องจากการขึ้นแสตนเชียร์ของนิสิตสาขาต่างๆ ในคณะพยาบาลศาสตร์ มีความจำเป็นต้องใช้คนจำนวนมาก และเพื่อสื่อถึงความสามัคคีจึงต้องการให้นิสิตชั้นปีที่ 1 ทุกคนมาร่วมซ้อมเชียร์
นางสาวเอกล่าวอีกว่า ไม่เห็นด้วยกับการปรับเงินรวมถึงข้อความที่ว่าห้ามลาห้ามขาดถ้าไม่แอดมิด (แอดมิด หมายถึง อาการป่วยขั้นที่แพทย์วินิจฉัยให้ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล – ผู้เขียน) เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจของกลุ่มผู้นำนิสิตและนิสิตรุ่นพี่เพื่อบีบบังคับนิสิตชั้นปีที่ 1 มากเกินไป แต่หากเป็นการบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรมธรรมดา ไม่มีการปรับเงิน โดยใช้วิธีการลงโทษแบบอื่น เช่น การให้ออกกำลังกาย ตนก็ยังพอรับได้
“มีหลายคนที่คิดเหมือนหนูแต่ไม่กล้าพูด หนูเองก็ไม่กล้าพูด มันเหมือนส่วนใหญ่เค้าว่ายังไง เราก็ต้องทำแบบนั้น ไม่อย่างนั้นก็กลายเป็นแกะดำ” นางสาวเอกล่าว
เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อนายสัมพันธ์ ฤทธิเดช อธิการบดี มมส. ผ่านทางเลขานุการส่วนตัว เพื่อขอนัดสัมภาษณ์ แต่ได้รับการปฏิเสธโดยอ้างว่า นายสัมพันธ์ติดงานราชการ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2560 นางมลฤดี เชาวรัตน์ รองอธิการบดี ฝ่ายพัฒนานิสิต มมส. กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดในพิธีเปิดโครงการ “ประเพณีประชุมเชียร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปีการศึกษา 2560” ว่า นโยบายการรับน้องประชุมเชียร์ของมมส. ยึดตามระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ ให้อิสระความเท่าเทียมกัน นิสิตสามารถเลือกที่จะเข้าร่วมหรือไม่ก็ได้ นางมลฤดีย้ำว่า กิจกรรมการรับน้องประชุมเชียร์ของ มมส. นั้น ชัดเจนว่าจะไม่มีบังคับขู่เข็ญ หรือก้าวก่ายสิทธิส่วนตัว