อุบลราชธานี – ตำรวจ สภ.วารินชำราบ ไปหาอาจารย์ ม.อุบลฯ 2 คนที่บ้านพักส่วนตัว สอบถามการเคลื่อนไหวต้านรัฐบาล คสช.ระหว่างประชุม ครม.สัญจร ที่ ม.อุบลฯ อาทิตย์หน้า อาจารย์ทั้งสองยืนยันไม่เคลื่อนไหว เพราะมีงานต้องทำ ชี้กรณีตำรวจมาหาที่บ้านพักส่วนตัวเป็นการคุกคาม
สถานการณ์ล่าสุดก่อนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาพร้อมคณะรัฐมนตรีมาประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.อุบลฯ และ จ.อำนาจเจริญระหว่างวันที่ 23 – 24 ก.ค. นี้
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2561 เวลา 18.00 น. นายธีระพล อันมัย อาจารย์ประจำสาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ม.อุบลราชธานี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรวารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี แต่งกายในชุดนอกเครื่องแบบจำนวน 4 นาย เดินทางไปพบตนที่บ้านพักบริเวณบ้านลือคำหาญ ม.19 ต.คำแสนราช อ.วารินชำราบ ขณะที่ตนกำลังพักผ่อนตามอัธยาศัย

นายธีระพลเล่าว่า เวลา 18.00 น. ขณะตนพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน ตนได้ยินเสียงผู้ชายเรียกบริเวณประตูหน้าบ้าน ตนจึงเดินออกมา พบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจาก สภ.เมืองวารินชำราบจำนวน 4 นาย ซึ่งถัดไปมีรถกระบะสีขาว ไม่ทราบยี่ห้อ เลขทะเบียบกรุงเทพมหานคร 1499 ลักษณะไม่ใช่รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะไม่มีตราสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“ตำรวจนายหนึ่งถามผมว่า นี่ใช่บ้านอาจารย์ธีระพลหรือไม่ ผมตอบไปว่าใช่ ตำรวจถามต่อว่ามีเรื่องจะสอบถามเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวช่วงที่นายกฯ และ ครม.จะมาประชุมที่อุบลฯ” นายธีระพลกล่าว
นายธีระพลกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจรายเดิมบอกต่อว่า สาเหตุที่มาพบอาจารย์ เพราะว่านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่สั่งการมาให้สอบถามตน เพราะกังวลว่าจะเกิดความไม่สงบเรียบร้อยระหว่างที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมาประชุม
นายธีระพลกล่าวอีกว่า ตนจึงอนุญาตให้ตำรวจทั้งหมดเข้ามาในบริเวณบ้าน และตนได้ยืนยันกับตำรวจทั้ง 4 นายว่าไม่มีแผนการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล คสช.ทั้งสิ้น เนื่องจากในวันที่มีการประชุม ครม. ตนต้องทำงานที่คณะเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดเทอมการศึกษา แล้วตนบอกต่อว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมาตน ได้คุยเรื่องนี้กับทหารในพื้นที่แล้วที่ ม.อุบลราชธานีและยืนยันว่าไม่มีการเคลื่อนไหว โดยใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 10 นาที จากนั้นตำรวจก็เดินทางกลับ
“ผมถามตำรวจว่าทหารไม่ได้แจ้งหรือว่าผมไม่เคลื่อนไหวอะไร ตำรวจตอบไม่รู้เรื่องมา และบอกผมว่าการที่มาหาผมวันนี้เพราะนายสั่งให้มา ไม่มีอะไรหรอก แล้วตำรวจทั้งหมดก็เดินทางกลับ” นายธีระพลกล่าว
อาจารย์ประจำสาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ม.อุบลราชธานีผู้นี้กล่าวทิ้งท้ายว่า เหตุการณ์เมื่อช่วงเย็นทำให้ตนรู้สึกตกใจอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาหาตนถึงที่บ้านพัก โดยมาตามที่อยู่ที่ระบุในบัตรประจำตัวประชาชนของตน และในเวลานี้เป็นเวลาพักผ่อนของตน
“ผมอยากบอกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนว่า ผมไม่ใช่อาชญากรร้ายแรงที่เจ้าหน้าที่ต้องติดตามและคุกคามผมแบบนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่เลิกติดตามผมได้แล้ว” นายธีระพลกล่าว
ก่อนหน้านี้เวลา 14.00 น. ในวันเดียวกัน ดาบตำรวจปราโมทย์ ชมชัย ผู้บังคับหมู่ป้องกันและปราบปราม สภ.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี แต่งกายในชุดนอกเครื่องแบบได้มาพบนายราม ประสานศักดิ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาและวรรณคดีตะวันตก คณะศิลปศาสตร์ ม.อุบลราชธานี ที่บ้านพัก หมู่ 1 บ้านหนองโก ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
นายรามกล่าวว่า ขณะที่ตนกำลังรับประทานอาหารเที่ยงหลังจากกลับจากทำธุระส่วนตัวที่่ต่างจังหวัด มีเสียงผู้ชายตะโกนเรียกตนหน้าบ้าน ตนจึงเดินออกมา พบว่าชายคนดังกล่าวได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.วารินชำราบ ต้องการมาพบตนเพื่อสอบถามว่าจะเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล คสช.และนายกรัฐมนตรีช่วงที่นายกรัฐมตรีและคณะรัฐมนตรีจะมาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีในวันที่ 23 – 24 ก.ค. นี้ หรือไม่
“ผมตอบตำรวจไปว่า ผมไม่ทราบข่าวเลยว่าจะมีนายก ฯและ ครม.จะมาประชุมที่อุบลฯ เพราะผมทำงานอื่น ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ และผมเพิ่งกลับมาจากทำธุระส่วนตัวที่ต่างจังหวัดด้วย ผมบอกว่า ผมไม่มีแผนจะทำอะไรเลย” นายรามกล่าว

นายรามกล่าวอีกว่า ตนพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไม่ถึง 10 นาที ระหว่างที่ดาบตำรวจปราโมทย์กำลังจะเดินทางกลับ ตนสังเกตเห็นอาวุธของดาบตำรวจปราโมทย์บริเวณเอว เมื่อดาบตำรวจปราโมทย์เห็นตนมองอาวุธปืน เขาได้เอากระเป๋าที่เขาสะพายมาปิดไว้
อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาและวรรณคดีตะวันตก คณะศิลปศาสตร์ ม.อุบลราชธานีผู้นี้กล่าวอีกว่า กรณีเมื่อบ่ายวันนี้ ตนตกใจอย่างมากวังเนื่องจากไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ตนคิดว่าเหตุผลที่ตำรวจมาหาตนที่บ้านแล้วมาสอบถามว่าจะเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล คสช. หรือไม่นั้น เพราะว่าตนเคยถูกทหารจากค่ายมณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานีเรียกเข้าปรับทัศนคติที่ค่ายทหารเมื่อปี 2557 หลังเกิดการรัฐประหารโดย คสช. เพราะตนทำกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารครั้งนี้ ซึ่งหลังจากนั้นตนไม่ได้ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกเลยจนถึงปัจจุบัน