บึงกาฬ – ตัวแทน 4 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคเสรีรวมไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาชาติ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาข้อพิพาทที่ดินสาธารณประโยชน์ อ.เมือง และ อ.เซกา จ.บึงกาฬเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา
รัชนี สิทธิรัตน์ อายุ 41 ปี ตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์กุดทิงทับที่ดินชาวบ้าน จ.บึงกาฬ กล่าวว่า ชาวบ้านจำนวน 27 ครอบครัวได้รับผลกระทบจากการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล) คลาดเคลื่อนทำให้ที่ดินสาธารณะออกทับที่ดินของชาวบ้านจำนวน 300 กว่าไร่ ซึ่งอยู่ในเขต ต.โนนสมบูรณ์ อ.เมือง จ.บึงกาฬ
“เขาออกหนังสือ น.ส.ล.มาตั้งแต่ปี 2548 แต่ชาวบ้านไม่รู้เรื่อง กระทั่งมีคำสั่ง คสช.เรื่องทวงคืนผืนป่าเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2557 ชาวบ้านจึงเริ่มถูกจับกุม” เธอกล่าวและว่า “ตอนนั้นชาวบ้านตั้งหลักไม่ทัน บางคนจึงรับสารภาพว่า บุกรุกที่สาธารณะ เพราะกลัวติดคุก ทั้งที่ไม่ได้ทำความผิด”
แกนนำชาวบ้านรายนี้ยังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำหนังสือร้องเรียนหน่วยงานราชการในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รับการแก้ไข เมื่อปี 2561 จึงได้ฟ้องศาลปกครองต่อ 5 หน่วยงานในพื้นที่ว่า เพิกเฉยต่อการปฏิบัติหน้าที่
รัชนี สิทธิรัตน์ ตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์กุดทิงทับที่ดินชาวบ้าน จ.บึงกาฬ เล่าสภาพปัญหาให้ตัวแทนจากพรรคการเมืองฟังขณะลงพื้นที่ เครดิตภาพโดย กองเลขาสมัชชาคนจน
ขณะที่มัจฉา จารย์โพธิ์ ตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบจากการออกหนังสือราชการทับที่ดินชาวบ้านบะหนองหล่ม กล่าวว่า พื้นที่บะหนองหล่ม อ.เซกา จ.บึงกาฬ เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่หน่วยงานราชการประกาศพื้นที่สาธารณะทับที่ดินชาวบ้านกว่า 150 ไร่ มีผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 18 ครอบครัว
“ชาวบ้านบางคนมีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดและนส.3ที่แสดงชัดเจนว่า อยู่มาก่อนประกาศเป็นพื้นที่สาธารณะเมื่อปี 2544 แต่เมื่อปี 2557 ชาวบ้านกลับถูกขับไล่ออกจากพื้นที่และถูกเทศบาลแจ้งจับข้อหาบุกรุก” มัจฉา กล่าว
ตัวแทนชาวบ้านรายนี้ ยังกล่าวอีกว่า เมื่อปี 2521 มีการเดินสำรวจรังวัดเพื่อออกเอกสารสิทธิ์ โดยมีผู้ใหญ่บ้าน คือ แพง ผลจันทร์ เป็นผู้รับรองเขต แต่ปรากฎว่าปี 2523 ผู้ใหญ่บ้านคนเดิม เป็นผู้ชี้เขตที่ทำให้ที่ดินสาธารณะทับที่ชาวบ้าน กระทั่งปี 2528 จึงมีการออกหนังสือ น.ส.ล. ทั้งที่ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาการทับซ้อนของที่ดิน
หลังจากได้รับฟังข้อมูลและปัญหาจากตัวแทนชาวบ้าน ทั้งในอำเภอเมืองและอำเภอเซกา จ.บึงกาฬ ตัวแทนพรรคการเมืองรับปากว่า จะนำปัญหาที่ได้รับฟังเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร และเสนอเป็นกระทู้ถามด่วนในสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
จากสถานการณ์ฝนตกชุกในภาคอีสาน ทำให้หลายพื้นที่ต่างเตรียมการรับมือและเฝ้าระวังพายุจากมรสุมที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้มวลน้ำไหลลงสู่แม่น้ำชี และแม่น้ำมูลในปริมาณที่มาก โดยเฉพาะพื้นที่ จ.อุบลราชธานี หลายภาคส่วนต่างร่วมกันเตรียมการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำร้อยปี 2565
จากกรณีที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 8-9 กันยายน 2566 ซึ่งในวันที่ 8 กันยายน นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีตลอดจนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมเขื่อนอุบลรัตน์และพบปะประชาชนอยู่ในพื้นที่ชลประทานและอยู่นอกพื้นที่ชลประทานเพื่อพูดคุยประเด็นปัญหาภัยแล้งผลกระทบจากเอลณีโญ่พื้นที่ทำกินและการบริหารจัดการน้ำ
วันนี้ 11.00 น. เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมชาวยโสธร ตั้งคำถามถึงกรณีล่าสุดที่ วิรุจ วิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ให้สัมภาษณ์ต่อรายการวิทยุประจำจังหวัด ซึ่งมีหลายประเด็นที่สร้างความไม่พอใจ โดยเฉพาะการกล่าวถึงประชาชนที่ยากจน ขี้เกียจ ไม่ทำงาน รอเพียงการช่วยเหลือจากรัฐบาล และไม่ต้องการให้ยโสธรเกิดการพัฒนา ซึ่งเมธา กล่าวผ่านเฟซบุ๊กของตน ว่าเป็นวิธีคิดแบบเผด็จการ
นายก อบต.เกษตรวิสัย สั่งปลด 2 รองนายกฯ และเลขานายกฯ โดยไม่แจ้งความผิด หลังกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าขยะเกษตรวิสัยลุกฮือปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น พร้อมให้ยกเลิกโรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่ตำบลเกษตรวิสัยทันที
