เรื่อง อติเทพ จันทร์เทศ 

ภาพ กษมา คุรุศาสตรา

จุดเด่นของเพจ “เขียบ” อยู่ที่การนำมุขตลกมาขยำให้ขำด้วยภาษาลาวในภูมิภาคอีสานแล้วประกอบภาพนักแสดง “มื่อ” ที่มีหน้าตาออกแนวกวนๆ ทำให้เพจนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว 

อติเทพ จันทร์เทศ คุยกับ เธียรรัตน์ ฦาชา แอดมินเพจ “เขียบ” ที่มียอดผู้ติดตามเกือบสองแสน ความจริงแล้วเขาเป็นสถาปนิกและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคอีสาน ทำไมต้องเป็น “เขียบ” เขามีแรงบันดาลใจจากอะไรทำไมจึงเป็นเขียบ 

อติเทพ: เล่าที่มาที่ไปหน่อยว่า ทำเพจนี้ขึ้นมาได้อย่างไร 

เขียบ: ทีแรกทำเล่นๆ กับน้องมื่อ ดาราแสดงที่เราเห็นกันบนเพจนี่แหละ เราก็หยอกล้อกันปกติสนุกสนานตามประสา ด้วยคาแรคเตอร์ของตัวมื่อดูเป็นคนกวนๆ เห็นแล้วตลก เลยขอรูปมาใส่กับข้อความตามที่เราเห็น จริงๆ ทำเพจมาก่อนหน้านี้แล้ว 

แรกเริ่มช่วงเปิดเมื่อปี 2558 ตอนนั้นคนติดตามเพจหลักสิบเองนะ อยู่ดีๆ หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามาติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ จนช่วงกลางปีที่ผ่านมาคนรู้จักเพจเราแสนปลายๆ แล้ว 

ก่อนหน้าใช้ชื่อเป็น “เฉียบ” ชื่อเฉียบคนใช้เยอะกลัวว่า มันจะซ้ำเลยเปลี่ยนชื่อเป็น “เขียบ” หลายคนสงสัยว่า บักเขียบ (น้อยหน่า) ในภาษาอีสานที่เป็นผลไม้หรือเปล่า ความจริงไม่ใช่นะ เราเปลี่ยนมาจากคำว่า เฉียบมาเป็นเขียบ จริงๆ มันเป็นสำเนียงทางภาษาด้วยแหละ อย่างสำเนียงชัยภูมิ ขอนแก่นจะเรียกออกสำเนียง ฉ พอพูดลาวคำว่า เฉียบจะเป็นเขียบ เหมือนขอนแก่นเป็นขอนแจ่น 

เธียรรัตน์ ฦาชา สถาปนิกและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคอีสาน แอดมินเพจ “เขียบ” ที่มียอดผู้ติดตามเกือบสองแสน

อติเทพ: ความเป็นเขียบ คืออะไร 

เขียบ: ความเป็นเขียบ คือ ความเป็นอีสาน เป็นภาษาลาวพื้นถิ่นต่างๆ ตามชนบท แบบชาวบ้านทั่วไป ผมสังเกตคำพูดที่ชาวบ้านใช้กัน มันเป็นคำเก่าๆ บางครั้งเราก็อยากรู้ว่า มันหมายถึงอะไร พอเราโพสต์ลงเพจ คนในหลายพื้นที่ก็จะมาโต้แย้งกันว่า บ้านฉันใช้คำนี้คำโน้น 

จริงๆ แล้ว มันเป็นเรื่องของบริบทพื้นที่นั้นๆ เพราะแต่ละที่จะเรียก หรือนิยามคำต่างๆ ไม่เหมือนกัน แต่ความหมายเหมือนกัน เนื่องจากเขียบจะนำเสนอคอนเทนต์ (ตัวบท/เนื้อหา) แบบบ้านๆ โดยความบ้านๆ ทำให้คนปวดหัว ทำให้คนได้คิด เพราะถ้าเราทำแบบตลกๆ คนอื่นเขาทำกันไปหมดแล้ว แต่เพจเราเน้นเรื่องความเป็นอีสาน แบบลาวๆ 

 อติเทพ: แรงบันดาลในการทำเขียบมาจากไหน 

เขียบ: เอาจริงๆ มาจากหมอลำล้วนๆ เลยนะ ผมชอบหมอลำ มันเหมือนเป็นดีเอ็นเอของผม เป็นสิ่งที่เห็นตั้งแต่เด็กเลย ถ้ามีหมอลำเราต้องไปดู เป็นอีเว้นท์พิเศษของหมู่บ้านเรา เพราะไม่ได้มีสิ่งบันเทิงอะไรมากนักในสังคมชนบท ผมเติบโตมากับมัน ฟังแล้วชอบเลยติดตามมาตลอด 

แต่ก่อนผมนั่งดูข้ามคืนเลย เสียงอีสาน 4 เชอร์อีสาน เพชรพิณทอง หมอลำหลายค่ายผมดูหมด ทุกคณะตั้งแต่วีดีโอม้วน ตลกคาเฟ่ พ่ออัดไว้ เมื่อสามสิบปีก่อน ผมก็นั่งดูอยู่อย่างงั้นแหละ อีกอย่างที่บ้านชอบดูวีดีโอตลก ผมก็เลยติดการเสพสื่อตลกมาตั้งแต่เด็กๆ  

ทุกอย่างที่ทำ มันทำให้ผมได้เรียนรู้วีธีการปล่อยมุขตลก การเรียนรู้ความตลกแบบนิทานก้อม ก็ไม่ได้เป็นตลกโดยตรงนะ มันเป็นบรรยากาศของการเล่าเรื่องไปเรื่อย 

แรงบันดาลใจมาจากหมอลำเป็นหลัก อีกอย่างมาจากความเป็นอีสานที่ใช้ชีวิตแบบเด็กบ้านนอกด้วย 

อติเทพ: การนำภาษาและวัฒนธรรมความเป็นลาว มาเล่นล้อกับวัฒนธรรมของพื้นภาคอื่น เช่น ภาษากลาง ภาษาอังกฤษ นอกจากที่จะทำเพื่อความสุขแล้ว คิดว่าเป็นการสร้างการเปลี่ยนแปลงไหม  

เขียบ: เรื่องการเล่นคำ ทำให้เห็นว่า ภาษามันดิ้นได้ มันอาจจะไปพ้องเสียงกับภาษาอื่นๆ ภาษาลาว ภาษาอังกฤษ พอเรานำมาเล่นมันก็เข้ากันได้ แล้วทีนี้เอาไปเปรียบเทียบกับภาษาอื่นๆ ซึ่งเรามองว่า มันขัดแย้งกัน อย่างเช่น อีสานกับอังกฤษ แต่บางคำมันไปด้วยกันได้ก็ถูกนำมาเล่นเป็นมุข

จริงๆ ผมล้อเรื่องเหล่านี้มานานแล้ว สิ่งที่ปล่อยออกไปในเพจเป็นสิ่งที่ผมเล่นมุขกับเพื่อนๆ มาโดยตลอด แต่พอมีโอกาสสร้างพื้นที่ปล่อยของ ก็นำเรื่องที่เคยเล่นกับเพื่อนๆ มาปล่อยลงเพจ

ความเป็นเขียบ คือ ความเป็นอีสาน เป็นภาษาลาวพื้นถิ่นต่างๆ ตามชนบท แบบชาวบ้านทั่วไป” เธียรรัตน์ ฦาชา แอดมินเพจ “เขียบ

อติเทพ: รู้สึกยังไงกับการที่ภาษาลาวถูกครูบางคนห้ามใช้ในห้องเรียนของภาคอีสาน

เขียบ: ใช่ๆ อยู่ในห้องเรียนเราจะพูดลาวไม่ได้เลย เขาต้องการให้เราพูดภาษาราชการ เอาจริงๆ เราไม่สามารถหลีกหนีภาษาพื้นถิ่นได้ สุดท้ายต้องมาคุยกับเพื่อนนอกห้องเรียน แม้แต่คุณครูเองเวลาสอนเสร็จออกจากห้องเรียนก็พูดลาวกับเรา เขาบังคับให้เราใช้ในห้องเรียน แต่ไม่ได้ห้ามใช้นอกห้องเรียน   

ผมยังรู้สึกเหมือนการสร้างเหตุการณ์สมมุติขึ้นมาให้มีความเป็นวิชาการ ใช้คำที่เป็นคำไทย แต่ด้วยบริบทการสื่อสารในบ้านเรา มันหลีกหนีภาษาพื้นถิ่นไม่ได้อยู่แล้ว กลับมาบ้านก็ใช้ภาษาพ่อภาษาแม่  

อติเทพ: มองไหมว่า ภาษาลาวกำลังแทรกซึมไปยังวัฒนธรรมต่างถิ่นในภูมิภาคอื่นไปตามยุคสมัย

เขียบ: ผมคิดว่า อิทธิพลของภาษาในภูมิภาคนี้เริ่มเข้าไปมีบทบาทในพื้นที่วัฒนธรรมต่างถิ่นมากขึ้น เช่น เพลงอีสานดังๆ คนกรุงเทพฯ ก็ฟัง คนภาคอื่นก็ฟัง มันเป็นเรื่องการสื่อสาร การสื่อสารทำให้คนเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น มันก็สามารถเคลื่อนที่แทรกซึมพื้นที่ต่างๆ ได้ง่าย

อีกอย่าง ผมไม่เคยห่วงวัฒนธรรมอีสานนะ ปล่อยให้ไหลไปเถอะ บางคนออกมาบอกว่า เป็นห่วงเยาวชนจะไม่รักษาเอกลักษณ์ท้องถิ่นไว้ ความเป็นรากเหง้าจะหายไป 

ผมมองว่า อย่าไปห่วงภาษาอีสานเลย ในอนาคตถ้ามันจะตาย ก็ต้องตายตามกาลเวลาของมัน แต่ตอนนี้คนยังสนุกสนานกับบทเพลงพื้นถิ่นของตัวเองอยู่ ยังใช้ภาษาถิ่นอยู่ อนาคตมันจะเปลี่ยนก็คงต้องเปลี่ยนไปตามยุคสมัย อย่าลืมว่า ก่อนจะเป็นอีสาน พื้นที่ที่เรียกว่า ตะวันออกเฉียงเหนือ ก็เคยเป็นอาณาจักรอื่นๆ มาก่อน เราไม่รู้อนาคตว่า อะไรจะเปลี่ยนไปบ้าง

อติเทพ: เขียบทำให้เราเห็นแล้วว่า ภาษามันดิ้นได้ 

เขียบ: เอาจริงๆ ภาษาเปลี่ยนแปลงไปตามสังคม ตามยุคสมัย อย่างเช่นภาษาอีสาน คนอีสานเข้าใจ แต่เข้าใจในระดับหนึ่งเท่านั้น เขาจะเข้าใจคำพื้นฐาน บางคนเลือกใช้กับคนที่อายุมาก 

ถ้าย้อนกลับไปว่า อนาคตภาษามันจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่า มันต้องเปลี่ยนไปตามพลวัตของเวลา เพราะอย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้่ไม่มีภาษาไทย ลาว แต่มีแม่แบบภาษามาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ภาคอีสานก็มีหลากหลายทางภาษา เช่น ลาว ส่วย เขมร ภูไท เป็นต้น ภาษาเหล่านี้กำลังสูญหายไปกับพลวัต ถ้าให้ผมตอบว่าจะเป็นยังไง ผมตอบไม่ได้ 

ก่อนหน้านี้เราเคยเป็นคนขวา แล้วรู้สึกว่า มันเป็นความละเอียดอ่อน เราจับต้องอะไรไม่ได้เลย เลยลองเปิดใจ ทำความเข้าใจ มองมุมใหม่ๆ ทำอย่างไรเราจะเข้าถึงเรื่องพวกนั้นได้ง่ายขึ้น บางครั้งโดนด่า เช่น โห… เอาวัฒนธรรมมาล้อเลียนประเพณีอันดีงามได้อย่างไร  

ผมเลยมาคิดหาเหตุผลว่า ทำไมถึงล้อเลียนไม่ได้ นึกไปนึกมา นึกไม่ออก ถ้าเช่นนั้นแสดงว่า เราล้อได้ (หัวเราะ) เอาจริงๆ เพจเขียบมันคือ คอนเทนต์หมอลำ เหมือนเราดูหมอลำ มันคือเขียบ เพียงแต่เราเปลี่ยนบริบทตัวละครออกมาเป็นรูปแบบอินเทอร์เน็ตเฉยๆ 

อติเทพ: เอาเข้าจริงเพจเขียบโคตรการเมืองเลย คุณต้องการให้เป็นแบบนั้นหรือเปล่า 

เขียบ: ผมมองว่า ทุกวันนี้คนสนใจการเมืองเยอะมาก ประเด็นที่คนสนใจมากที่สุด คือ เรื่องการเมืองนะ ถ้าเปรียบเทียบกับสมัยก่อน ทุกวันนี้คนเริ่มสนใจการเมืองมากขึ้น เราก็เริ่มหยอดเรื่องการเมืองลงไป จากนั้นคนหายไปเยอะนะ เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน คงคิดว่า ผมชอบนายกฯ เพราะคนส่วนหนึ่งที่ไม่ชอบก็มี เราลงคอนเทนต์เรื่องหนึ่งไปเกี่ยวกับนายกฯ คนนึกว่า เพจเราสนับสนุนลุงตู่ (หัวเราะ) 

เอาจริงๆ เรื่องการเมืองเราไม่ชี้เฉพาะเจาะจงเท่าไหร่ว่า เราอยู่ฝ่ายไหน เพียงแต่ประเด็นการเมืองมันน่าเอามาเล่นให้คนได้เท่าทันการเมือง เราทำให้คนคิดเองว่า เรารู้สึกอย่างไร เป้าหมายของเราช่วยให้คนได้รู้เรื่องราวในสังคม 

ผมอยากเห็นความคิดของคน เวลาผมลงรูปนายกฯ ไม่มีข้อความอะไรเลยนะ ที่เหลือเป็นเรื่องของคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล ส่วนใหญ่ถ้าเข้ามาในทิศทางเดียวกันก็จะพูดคุยกันสนุก แต่ก็ไม่มีเรื่องโต้เถียงอะไรกันมากนัก ร้อยละ 90 คน จะคุยกันเรื่องเดียวกันได้ 

อติเทพ: การเปลี่ยนแปลงทำให้เรารู้เท่าทันสื่อ เขียบใช้ประโยชน์จากตรงนี้บ้างไหม

เขียบ: ตอนนี้เขียบเป็นช่องทางที่ยังไม่ได้มีรูปแบบการแสวงหากำไร หลายคนก็ถามว่าจะใช้ประโยชน์อย่างไร ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรอย่างไรดี ถามว่ามีประโยชน์อะไรไหม ก็คงเป็นประโยชน์ด้านความบันเทิงอย่างเดียว 

ผมรู้สึกว่า ทุกวันนี้คนมันเครียด ตั้งแต่เรื่องชีวิตประจำวัน การเมืองสังคม หนี้สิน ครอบครัว บางคนก็บอกว่า มาอ่านแล้วเครียดกว่าเดิม (หัวเราะ) อันนี้ผมมองว่า มันเป็นเอกลักษณ์ของเขียบอย่างหนึ่ง คือ ความไม่เข้าใจ แต่เดี๋ยวก็คงเข้าใจเอง มันจะมีคนมาเฉลยมุขเอง 

อีกอย่างผมรู้สึกดีกับคนที่เข้ามาด่านะ ชอบมากเวลาคนมาแสดงความคิดเห็น เพราะเรามองว่าประสบความสำเร็จแล้ว เป็นความท้าท้าย อย่างที่บอกไปว่า เราไม่ได้ต้องการให้อ่านแล้วตลกเหมือนเพจอื่นๆ ผมอยากเห็นภาพของผู้คนที่เข้ามาพูดคุยกันในคอมเมนต์มากกว่า มันทำให้คนมีลำดับการคิดเชิงซ้อนกันมากขึ้น 

อติเทพ: เขียบคือหมอลำยุคใหม่ เพจหลวงพ่อคือเรื่องการล้อเลียนศาสนา ดูเหมือนเชื่อมกันหมดเลย อธิบายให้ฟังหน่อยว่า เขียบเป็นหมอลำอย่างไร

เขียบ: เพจเขียบ คือ หมอลำ เพจหลวงพ่อ คือ นิทานก้อม ถ้าใครได้ดูหรือติดตามหมอลำกับนิทานก้อม ก็คือ เพจเขียบนี้เอง แต่ว่ารูปแบบของการนำเสนอจะร่วมสมัยมากกว่าแต่ก่อน เรานำเหตุการณ์ปัจจุบันใส่เข้าไปเพื่อสร้างให้มีเรื่องราวและความน่าติดตาม บางสิ่งคนเคยเห็นมาอยู่แล้ว แต่เรานำมาเล่นในวิถีของเพจ มุขเดิมๆ ในแผ่นซีดีนั่นแหละที่นำมาเล่น เราหาวิถีการเล่นในแบบของเรา 

เขียบ คือ มีมอีสาน ในรูปแบบภาพเล่าเรื่องราว ทำไมต้องเป็นภาพ เพราะว่า เราทำสะดวกดี ทุกวันนี้คนสนใจมีม มีม คือภาพเดิมๆ ที่นำมาเล่นซ้ำแล้วคนจดจำ อย่างเขียบจะมีแบล็คกราวด์ (ภูมิหลัง) เดิมๆ คนก็จดจำ บางครั้งเรามีแค่ประโยคเด็ดๆ เอามาเล่นก็โดนใจคนแล้ว เราใช้แค่โทรศัพท์ทำรูป ไม่ได้มีโปรแกรมตัดต่ออะไรเลย เราทำไม่เนียน ถ้าเนียนก็ไม่ฮาไง 

อติเทพ: ปัญหาของเพจเขียบคืออะไร  

เขียบ: ปัญหาของเขียบคือ การหาภาพ บางมีเรื่องราวดีๆ ที่จะนำเสนอแต่เราไม่สามารถหาภาพมาเล่นได้ เนื่องจากปัญหาลิขสิทธิ์ มันเสี่ยงมากเวลาเราไปนำภาพมาเล่าเรื่อง อย่างแรกการละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่เราระวังมาก ก็เลยต้องเลือกภาพที่ไม่มีปัญหา 

อติเทพ: คนสงสัยว่า ตัวละครในรูปที่ใช้ประกอบในเพจคือใคร 

เขียบ: มื่อ เป็นลูกศิษย์ที่คณะสถาปัตฯ ผมกับเขาหยอกล้อกันมาโดยตลอด เขาเป็นคนที่กวนที่สุดในห้อง บวกกับคาแรคเตอร์ที่ดูกวนๆ ผมเลยชอบแซวมื่อ และขอรูปเขามาทำเพจตามที่เห็นในรูป 

อติเทพ: ชีวิตของมื่อในมุมมองของคุณเป็นอย่างไร

เขียบ: จริงๆ ตั้งแต่ทำเพจมามื่อเริ่มมีคนรู้จักพอสมควร ปัญหาคือเขากำลังดัง แต่ดันไปติดทหารเกณฑ์ ก็เลยไม่รู้เลยว่า ชีวิตของเขาเป็นอย่างไรบ้าง 

แต่ก็มีคนในค่ายทหารแอบถ่ายรูปแล้วส่งมาให้ผมอยู่บ่อยๆ แต่เขาก็มีผู้หญิงติดตามเยอะแยะ คนให้ความสนใจเขาเยอะขึ้นจากแต่ก่อนที่เจอกันตอนแรก  

อติเทพ: ตอนแรกคุณไม่อยากเปิดตัว แต่ทำไมเปลี่ยนใจ 

เขียบ: ผมไม่อยากเปิดเผยนะ เพราะตอนนี้คนคงคิดว่า ผมเป็นมื่อ พอตัดภาพมาเป็นผม เกรงว่า คนจะคิดในใจว่า มันต้องบักมื่อสิ แต่จริงๆ แล้วมื่อเป็นนักแสดงให้เราเท่านั้น เพราะคนจะติดภาพจำว่า เป็นมื่อ 

เราเป็นผู้กำกับ มื่อเป็นนักแสดง อยากให้ภาพจำเป็นมื่อมากกว่า อีกอย่างเรากำลังทำให้มีนักแสดงคนอื่นๆ เข้ามาแจมในเพจ ผมก็มองหาอยู่เรื่อยๆ แต่บางคนปฏิเสธเพราะอาย อีกอย่างผมค่อนข้างเคารพเรื่องสิทธิของน้องๆ และคนที่จะมาร่วมแสดงด้วย 

“ผมไม่รู้สึกกลัวการไม่ถูกเคารพ ผมกลัวคนรู้สึกไม่โอเคกับตัวเองมากกว่า เคารพไม่เคารพเป็นเรื่องของเขา เราเองยังรู้เลยว่า ควรเคารพใคร” แอดมินเพจเขียบ

อติเทพ: ระบบการศึกษาไทยมักให้นักเรียนคิดในกรอบ คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ 

เขียบ: ผมมองไปเรื่องวีธีการนำเสนอนะ เแต่ก่อนครูมักสอนอย่างเดียว สั่งงาน แต่ถ้าเรามีวิธีสอน มันก็เหมือนเราทำเขียบ มันมีรูปแบบการนำเสนอให้น่าติดตาม ซึ่งทุกวันนี้เวลาสอนนักศึกษา ผมก็นำมาใช้เพื่อสร้างบรรยากาศในห้องเรียนในน่าเรียนขึ้น ทำให้น้องๆ ตื่นรู้ เวลาสอนอะไรก็จะสนุก และเป็นกันเอง 

ผมคิดว่า วีธีการสอนสำคัญ เราเพิ่มบรรยากาศให้นักเรียนสนุกคุยกันเหมือนพี่กับน้อง ลองย้อนไปสมัยมัธยม เวลาครูคนไหนตลก สอนสนุก เราก็อยากไปเรียน เช่น เขียบนำการเมืองมาก็ทำให้ตลกคนก็สนุกและติดตามการเมือง

ผมคิดว่า คนที่เป็นครูต้องลดบทบาทการถือตัวลงมา ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน ปัญหาการศึกษาไทยในโรงเรียนมักมีความเป็นอำนาจนิยม ซึ่งส่งผลต่อระบบการศึกษาไทยมาก โดยเฉพาะครูประถมศึกษา-มัธยมศึกษาจะมีระยะห่างเยอะมาก แล้วครูจะสนิทกับนักเรียนไม่ได้นะ พอเราเรียนมหาวิทยาลัย อาจารย์กับนักศึกษามีวัยใกล้กัน ปัญหาตรงนี้ก็ลดลง อย่างเช่นผมกับมื่อ เจอกันก็เหมือนพี่กับน้อง ทักทายกันธรรมดา เราลดช่องว่างลง ผมไม่ได้ต้องการความเคารพนะ แต่อยู่ที่เราทำอะไรให้พวกเขาเคารพ 

ผมไม่รู้สึกกลัวการไม่ถูกเคารพ ผมกลัวคนรู้สึกไม่โอเคกับตัวเองมากกว่า เคารพไม่เคารพเป็นเรื่องของเขา เราเองยังรู้เลยว่าควรเคารพใคร

image_pdfimage_print