กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชน ‘เขาเหล่าใหญ่ -ผาจันใด ชูป้ายแสดงความไม่เห็นด้วยกับการประชุมสภา อบต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู เพื่อพิจารณาต่อใบอนุญาตเหมืองหินปูน ภาพโดย กลุ่มอนุรักษ์ป่าป่าชุมชน ‘เขาเหล่าใหญ่ -ผาจันใด

เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่  เรื่อง

จดหมายจาก ธีรสิทธิ์ ตรีวัฒน์สุวรรณ ถึงประธานสภา อบต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู เรื่องขอให้จัดประชุมสภา อบต.ดงมะไฟ เพื่อพิจารณาวาระการขอต่ออายุใบอนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเก่ากลอยและป่านากลาง เพื่อทำเหมืองหินปูนของบริษัท ธ. ศิลาสิทธิ จำกัด ไปอีกสิบปี (ตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 – กันยายน 2573) ลงวันที่ 28 มกราคม 2563 บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ใครอยู่เบื้องหลังบรรจุวาระต่ออายุเหมืองหินปูนเข้าสภา อบต.ดงมะไฟ

แต่จะบอกว่าเป็นใครที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่สอดคล้องความเป็นจริงนัก เพราะจดหมายฉบับดังกล่าว เป็นเอกสารเปิดเผยที่ประธานสภาฯ แนบส่งไปกับหนังสือเชิญประชุมสภา อบต.ดงมะไฟ สมัยประชุมสามัญ สมัยแรกประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ให้แก่สมาชิก อบต. ทุกคน แล้วส่งให้กับผู้ใหญ่บ้านและลูกบ้านให้เข้ามีส่วนร่วมในการประชุมสภา และเพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นถึงความโปร่งใสตรวจสอบได้

จดหมายฉบับนี้ ทำถึงประธานสภาฯ เพื่อขอให้บรรจุวาระการขอต่ออายุใบอนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเก่ากลอยและป่านากลาง เพื่อทำเหมืองหินอุตสาหกรรม ชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง (สำหรับประทานบัตรเลขที่ 27221/15393) เนื้อที่ 175 ไร่ 3 งาน 65 ตารางวา ไปอีกสิบปี ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2563 – 3 กันยายน 2573

ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ ธีรสิทธิ์ได้หยิบยกข้อ 8 (5) ของระเบียบกรมป่าไม้ว่าด้วยการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ขึ้นมาไว้ในจดหมายฉบับนี้ 

ด้วยความเข้าใจว่า การขอต่ออายุใบอนุญาตดังกล่าวต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้ แต่ธีรสิทธิ์กลับมีการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับเนื้อหารายละเอียดของข้อ 8 (5) ตามระเบียบที่ว่า พื้นที่ที่จะพิจารณาอนุญาตจะต้อง “ไม่มีปัญหากับราษฎรในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงและต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาตำบลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลท้องที่ที่ป่านั้นตั้งอยู่”

ทั้งนี้ ต้องทำตามระเบียบกฎหมายเป็น 2 ขั้นตอน กล่าวคือ ก่อนที่สภา อบต. จะบรรจุวาระการพิจารณาขอต่ออายุใบอนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเก่ากลอยและป่านากลาง เพื่อทำเหมืองหินอุตสาหกรรม ชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง (สำหรับประทานบัตรเลขที่ 27221/15393) เนื้อที่ 175 ไร่ 3 งาน 65 ตารางวา ไปอีกสิบปี ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2563 – 3 กันยายน 2573 จะต้องจัดทำประชาคม 6 หมู่บ้าน ที่อาศัยอยู่รอบเหมืองในรัศมีที่ได้รับผลกระทบตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ขึ้นมาก่อน

แต่จดหมายฉบับนี้ของธีรสิทธิ์ กลับเร่งรัดให้สภา อบต.ดงมะไฟ บรรจุวาระการขอต่ออายุใบอนุญาตโดยไม่สนใจว่ามีการจัดทำประชาคม 6 หมู่บ้านไปแล้วหรือไม่

ตรงกันข้าม กลับมีการขู่บังคับประธานสภาว่า เคยขอให้สภา อบต.ดงมะไฟกำหนดวันและเวลาจัดประชุมสภาเพื่อพิจารณาลงมติวาระการขอต่ออายุใบอนุญาตไปแล้วถึง 2 ครั้ง 

จนถึงขณะนี้ ทางสภาฯ​ ยังไม่มีการประชุมตามคำร้องขอ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหาย จึงทำจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา เพื่อขอให้ประธานสภาฯ จัดประชุมเพื่อลงมติตามที่ร้องขอโดยด่วน มิฉะนั้นแล้ว หากประธานสภาไม่ดำเนินการหรือดำเนินการใดๆ ที่ทำให้เกิดความเสียหาย ก็จะดำเนินคดี ทั้งทางแพ่งและอาญาต่อประธานสภาฯ และสมาชิก อบต.ดงมะไฟอย่างแน่นอนและถึงที่สุด

กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชน ‘เขาเหล่าใหญ่ -ผาจันใด ชูป้ายแสดงความไม่เห็นด้วยกับการประชุมสภา อบต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู เพื่อพิจารณาต่อใบอนุญาตเหมืองหินปูน ภาพโดย กลุ่มอนุรักษ์ป่าป่าชุมชน ‘เขาเหล่าใหญ่ -ผาจันใด

การที่ประธานสภา อบต.ดงมะไฟ จัดให้มีการประชุมสภาสมัยประชุมสามัญ สมัยแรก ประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อพิจารณาวาระดังกล่าว จึงเป็นการประชุมสภา อบต. ที่ข้ามหัวชาวบ้าน เพราะไม่มีผลของการประชาคม 6 หมู่บ้านรองรับ

ประเด็นนี้จึงค่อนข้างสุ่มเสี่ยงกับสถานภาพของประธานสภา, รองประธานสภา, ปลัด อบต. และสมาชิก อบต. หนุนเหมืองทุกคน ที่ได้รับฉายาจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า ‘อบต.โรงโม่’ (ส่วน อบต. อีกฝ่ายหนึ่งที่อยู่ข้างประชาชน ได้รับฉายาว่า ‘อบต. ประชาชน’) เพราะการประชุมสภาครั้งนี้น่าจะเป็นการประชุมสภาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

การประชุมเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เพื่อยกมือให้ธีรสิทธิ์ทำเหมืองต่อไปอีก 10 ปี จะส่งผลให้มีการดำเนินคดีเพื่อเอาผิดทางกฎหมายหลังการประชุมสภาอย่างแน่นอน

เหตุที่ธีรสิทธิ์และประธานสภา, รองประธานสภา, ปลัด อบต. และ อบต.โรงโม่ ต้องเร่งรัดให้มีการประชุมสภาครั้งนี้ ก็เพราะประทานบัตรทำเหมืองหินปูนและใบอนุญาตการใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ เพื่อทำเหมืองหินปูนของธีรสิทธิ์จะหมดอายุลงในเวลาไล่เลี่ยกันภายในเดือนกันยายน 2563 ซึ่งตามพระราชบัญญัตแร่ พ.ศ. 2560 กำหนดให้ต้องดำเนินการต่ออายุ ก่อนที่ประทานบัตรจะหมดอายุลง 180 วัน 

เดือนมีนาคมนี้จึงเป็นเส้นตายที่ธีรสิทธิ์จะต้องดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตการใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ เพื่อทำเหมืองหินปูนและใบประทานบัตรใหม่ให้ได้

น่าจะด้วยเหตุนี้ ที่ทำให้ประธานสภา, รองประธานสภา, ปลัด อบต. และ อบต.โรงโม่ทั้งหลาย เร่งเดินหน้าดันทุรังจัดประชุมสภา อบต. ดงมะไฟ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ให้ได้ โดยไม่สนใจว่าจะมีการทำประชาคม 6 หมู่บ้าน

แล้วยังมีเรื่องหมกเม็ดอีกเรื่องหนึ่ง คือ จดหมายฉบับนี้ของธีรสิทธิ์ส่งถึงประธานสภาเพื่อขอให้จัดการประชุมสภา อบต. ดงมะไฟ เพื่อพิจารณาวาระ ‘การขอต่ออายุใบอนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเก่ากลอยและป่านากลาง เพื่อทำเหมืองหินปูน’ เท่านั้น 

แต่ระเบียบวาระที่ 4 เรื่องเพื่อโปรดพิจารณา ข้อ 2. ของการประชุมสภาเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ กลับเขียนกำกวมว่า ‘เรื่องพิจารณาต่อใบอนุญาต เพื่อทำเหมืองแร่’ จึงมีความเป็นไปได้ว่า การประชุมสภาในวันดังกล่าวมีการพิจารณา 2 เรื่อง ทั้งเรื่อง ‘ต่ออายุใบอนุญาตการใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ เพื่อทำเหมืองหินปูน’ และ ‘ต่ออายุใบประทานบัตรใหม่’ ในคราวเดียวกัน

ถือเป็นการกระทำผิดซ้ำซ้อนสองครั้งสองคราของประธานสภา, รองประธานสภา, ปลัด อบต. และ อบต. โรงโม่ ที่แอบซ่อนวาระการพิจารณาลงมติอนุญาตต่ออายุประทานบัตรใหม่เข้ามา โดยไม่ทำประชาคม 6 หมู่บ้านที่อยู่ในรัศมีผลกระทบตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ขึ้นมาก่อน

image_pdfimage_print