ขอนแก่น – ตัวแทนเครือข่ายผู้หญิงอีสาน นำโดย พิณทอง เล่ห์กันต์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาจังหวัดขอนแก่น พร้อมคุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว ทนายความ เพื่อดำเนินคดีกับบริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) สุวพงษ์ จั่นฝังเพ็ชร และ เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง ผู้เขียนบทความอุปนิสัยที่ชี้ชะตากรรม ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
คุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว ทนายความ กล่าวว่า จากการหารือกันแล้วนอกจากเป็นเรื่องหมิ่นประมาทแล้ว ข้อความต่างๆ ก็เป็นการบิดเบียนและเป็นเท็จ ผํู้หญิงอีสานไม่ขวนขวาย แต่อยากมีสามีเป็นชาวต่างชาติที่ต้องการรวยทางลัด ข้อความเหล่านี้เป็นความเท็จที่ถือว่าเป็นความผิดต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1)
“จะแพ้หรือชนะนั้นไม่สำคัญ เพราะผู้หญิงอีสานได้ลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีตัวเองแล้ว” คุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว ทนายความ
“ส่วนศาลจะพิจารณาอย่างไร จะผิดทัั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือจะผิดเฉพาะคดีหมิ่นประมาท หรือไม่ผิดก็แล้วแต่ ก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม” ทนายความกล่าวและว่า “ส่วนจะแพ้หรือชนะนั้นไม่สำคัญ เพราะเราได้นำกรณีนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและได้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์แล้วว่า ผู้หญิงอีสานได้ลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองแล้ว”
พิณทอง เล่ห์กันต์ ตัวแทนเครือข่ายผู้หญิงอีสาน กล่าวว่า การฟ้องร้องครั้งนี้ เราได้เตรียมการมานานพอสมควร และคิดว่าเป็นกรณีแรกๆ ที่ผู้หญิงอีสานออกมาฟ้องร้องคดีกรณีถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม และเป็นการปกป้องชาติพันธุ์ ก่อนหน้านี้มีกรณีของนักพูดที่กล่าวดูถูกคนอีสานและมีผู้ฟ้องร้อง แต่ศาลก็ไม่รับฟ้อง
พิณทอง เล่ห์กันต์ ตัวแทนเครือข่ายผู้หญิงอีสาน ขณะถือนิตสารมติชนสุดสัปดาห์ที่มีบทความ “อุปนิสัยที่ชี้ชะตากรรม” เขียนโดย เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง เพื่อประกอบการฟ้องร้องคดี
“การที่เราฟ้องร้องในคดีนี้ เพราะต้องการให้สังคมรู้ว่า คุณไม่สามารถดูถูกคนอีสานและผู้หญิงอีสานได้อีกแล้วนะ” ตัวแทนเครือข่ายผู้หญิงอีสานกล่าวและว่า “คุณเพ็ญศรีจำเป็นต้องออกมารับผิดชอบบางอย่างกับการกระทำที่เกิดขึ้น”
เอกสารคำฟ้องในคดีนี้มีใจความสำคัญระบุว่า การฟ้องร้องครั้งนี้ข้อเขียนของเพ็ญศรีนอกจากจะบิดเบือนข้อเท็จจริงและกล่าวเท็จแล้ว ยังแต่งเติมความเห็นของตนอย่างมีอคติ มีเจตนาดูหมิ่นเหยียดหยามผู้หญิงหรือสาวอีสานอย่างชัดแจ้ง
เอกสารคำฟ้อง เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง บริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) และบรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์ ข้อหาหมิ่นประมาทและความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
“ถ้าหากคุณเพ็ญศรีมีเจตนาเขียนและแสดงความเห็นอย่างสุจริตจริง ก็ต้องรู้และนำเสนอข้อเท็จจริงว่าความจริง ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายชาวอีสาน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทุกคนล้วนอยากมีการศึกษาที่ดี อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่แพ้ผู้หญิงจากภูมิภาคอื่น” เอกสารคำฟ้องระบุ
จากสถานการณ์ฝนตกชุกในภาคอีสาน ทำให้หลายพื้นที่ต่างเตรียมการรับมือและเฝ้าระวังพายุจากมรสุมที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้มวลน้ำไหลลงสู่แม่น้ำชี และแม่น้ำมูลในปริมาณที่มาก โดยเฉพาะพื้นที่ จ.อุบลราชธานี หลายภาคส่วนต่างร่วมกันเตรียมการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำร้อยปี 2565
จากกรณีที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 8-9 กันยายน 2566 ซึ่งในวันที่ 8 กันยายน นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีตลอดจนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมเขื่อนอุบลรัตน์และพบปะประชาชนอยู่ในพื้นที่ชลประทานและอยู่นอกพื้นที่ชลประทานเพื่อพูดคุยประเด็นปัญหาภัยแล้งผลกระทบจากเอลณีโญ่พื้นที่ทำกินและการบริหารจัดการน้ำ
วันนี้ 11.00 น. เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมชาวยโสธร ตั้งคำถามถึงกรณีล่าสุดที่ วิรุจ วิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ให้สัมภาษณ์ต่อรายการวิทยุประจำจังหวัด ซึ่งมีหลายประเด็นที่สร้างความไม่พอใจ โดยเฉพาะการกล่าวถึงประชาชนที่ยากจน ขี้เกียจ ไม่ทำงาน รอเพียงการช่วยเหลือจากรัฐบาล และไม่ต้องการให้ยโสธรเกิดการพัฒนา ซึ่งเมธา กล่าวผ่านเฟซบุ๊กของตน ว่าเป็นวิธีคิดแบบเผด็จการ
นายก อบต.เกษตรวิสัย สั่งปลด 2 รองนายกฯ และเลขานายกฯ โดยไม่แจ้งความผิด หลังกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าขยะเกษตรวิสัยลุกฮือปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น พร้อมให้ยกเลิกโรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่ตำบลเกษตรวิสัยทันที
