เครือข่ายปฏิรูปที่ดินอีสาน เรื่อง

กรุงเทพฯ – ตัวแทนชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดำเนินคดีข้อหาบุกรุกและฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง เข้าร้องเรียนกับ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากเป็นคนยากจนไม่มีรายได้ ซึ่งรัฐมนตรีได้สั่งการให้ผู้อำนวยการกรมบังคับคดีประสานงานสำนักงานบังคับคดีสาขาหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เพื่อไกล่เกลี่ยปัญหาให้ชาวบ้านแล้ว      

ขวัญหล้า สายคำตั้ง ชาวบ้านห้วยกลทา จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 13 คน ที่ถูกดำเนินคดีอาญาและถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง เล่าว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2548 โดยชาวบ้านจำนวน 13 คนไปรับจ้างหักข้าวโพดที่บ้านห้วยกลทา ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งในจำนวนนี้มีเยาวชน 2 คน ผู้พิการ 1 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าจับกุมและแจ้งความดำเนินคดี โดยอ้างว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง   

“ชาวบ้านสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเรามีหน้าที่แค่รับจ้าง ไม่ได้บุกรุกป่า แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย” ขวัญหล้ากล่าวและว่า “จากนั้นตำรวจได้นำตัวไปที่สถานีตำรวจภูธรบ้านกลาง อ.หล่มสัก และแจ้งข้อกล่าวหาประมาณ 3 ทุ่ม แต่ตอนนั้นทุกคนปฏิเสธ” ขวัญหล้ากล่าว

ด้าน สมนึก ตุ้มสุภาพ ทนายความและนักสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า คดีนี้ เจ้าหน้าที่ได้แยกฟ้องเป็น 2 คดี ได้แก่ กรณีเยาวชน 2 คน ถูกส่งไปยังศาลหล่มสัก แผนกคดีเด็กและเยาวชนและครอบครัว ซึ่งในคดีอาญา ศาลชั้นต้นและศาลฎีกาได้ยกฟ้อง แต่ยังคงต้องจ่ายค่าเสียหายในคดีแพ่ง ส่วนผู้ถูกดำเนินคดีที่เป็นผู้ใหญ่จำนวน 11 คน ศาลชั้นต้นยกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่ามีความผิด และศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ คือตัดสินให้จำคุก 6 เดือน แต่รอลงอาญา 

คดีนี้ สำนักงานบังคับคดีจังหวัดเพชรบูรณ์ สาขาหล่มสัก ได้นำประกาศบังคับคดีไปติดไว้ที่บ้านของผู้ถูกฟ้องคดีเพื่อขายทอดตลาด ประกอบด้วย ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แปลงที่ 1 เนื้อที่ 47 ตารางวา และแปลงที่ 2 เนื้อที่ 24 ตารางวา พร้อมกับการประกาศขายมาแล้ว 2 ครั้ง และกำลังจะมีการประกาศขายครั้งที่ 3 ในวันที่ 1 เดือนเมษายน 2563 นี้ 

ตัวแทนชาวบ้าน จ.เพชรบูรณ์ที่ถูกฟ้องร้องข้อหาบุกป่าเข้ายื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2563 ที่ผ่านมา

เดือนเพ็ญ พรมสวัสดิ์ ผู้ถูกดำเนินคดีอีกคน กล่าวว่า แม้ในคดีอาญาศาลจะพิพากษายกฟ้อง แต่คดีแพ่งนั้น กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชยังฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 377,068 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันกระทำผิด (1 พฤษภาคม 2548) แต่ชาวบ้านได้อุทธรณ์ขอความเป็นธรรมจากศาลและเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย โดยศาลได้ลดทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้ผู้ถูกฟ้องร้องทุกคน  

“เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ศาลพิพากษาได้ให้ชาวบ้านชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 182,300 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยให้เริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2548 จนกว่าจะหมด แต่พวกเราไม่มีเงินและที่ดินแปลงนั้นก็เป็นมรดกจากพ่อ” เดือนเพ็ญกล่าวและว่า “หลังจากถูกฟ้องก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เสียทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกาย จึงมาขอความเป็นธรรมเพื่อให้ชะลอการบังคับคดีและยกเลิกการขายทอดตลาด” เดือนเพ็ญกล่าว

ข้อมูลจากเว็บไซต์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดงระบุว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดงได้รับการประกาศในพระราชกฤษฎีกาให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเมื่อปี 2542 โดยกำหนดบริเวณที่ดินป่าลุ่มน้ำป่าสักฝั่งซ้าย  ในท้องที่ตำบลท่าอิฐ ต.ห้วยไร่ ต.บ้านติ้ว ต.ปากช่อง ต.บ้านกลาง และต.ช้างตะลูด อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า บางส่วนกินพื้นที่ใน จ.ชัยภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้กันพื้นที่ตั้งชุมชนออก จึงทำให้ชาวบ้านเกิดความเข้าใจผิดและเข้าทำกินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า  

image_pdfimage_print