หทัยรัตน์ พหลทัพ เรื่อง 

อติเทพ จันทร์เทศ ภาพ 

ขอนแก่น – เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 10 กันยายน 2563 นักศึกษา ประชาชน กลุ่มขอนแก่นพอกันที กลุ่มประชาธิปไตยไทบ้าน และกลุ่มดาวดิน นัดรวมตัวกันที่สวนรัชดานุสรณ์ บริเวณอนุสาวรีย์จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก่อนจะเดินรณรงค์ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรไปตามถนนสายต่างๆ ในอำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่น เพื่อประชาสัมพันธ์ให้คนขอนแก่นเข้าร่วมการชุมนุมที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 19 กันยายน 2563 จากนั้นจึงเข้ารายงานตัวที่ สภ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น เวลา 10.00 น.  

การออกหมายเรียกครั้งนี้ สภ.เมืองขอนแก่นได้อ้างการจัดกิจกรรมของกลุ่มขอนแก่นพอกันที่จัดกิจกรรม “อีสานบ่ย่านเด้อ” ณ สวนรัชดานุสรณ์ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีนักกิจกรรมที่ปราศรัยในเวทีดังกล่าวปรากฏชื่อในหมายเรียกรวม 6 คน ประกอบด้วย 1. จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน 2. ปิยดา มาเทียน 3. ธนภณ เดิมทำรัมย์ 4. วชิรวิทย์ เทศศรีเมือง 5. พริษฐ์ ชิวารักษ์ และ 6. ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำเเบงค์ 

พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม เชิญชวนให้ประชาชนชาวขอนแก่นเข้าร่วมการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ในวันที่ 19 กันยายน 2563 

พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม ให้สัมภาษณ์ก่อนการรายงานตัวที่ สภ.ขอนแก่น ว่า การมีหมายเรียกครั้งนี้ถือเป็นเรื่องปกติที่นักรบก็ต้องมีบาดแผลตามปกติ ส่วนตัวมองว่า คดีที่ตำรวจยัดเยียดข้อกล่าวถือเป็นหลักฐานฟ้องสายตาประชาชนชาวไทยและชาวโลกว่า ระบบกฎหมายและระบบยุติธรรมของไทยถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง 

“ยิ่งฟ้องร้องมากเท่าใด ความไม่ยุติธรรมก็จะเห็นชัดขึ้นเท่านั้น ถ้าคดีแต่ละคดีที่ถูกแจ้งความเปลี่ยนเป็นเหรียญตราติดคุก ผมคิดว่า ผมมีแข่งกับผู้บัญชาการทหารบกได้” พริษฐ์กล่าว 

ส่วน จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ให้สัมภาษณ์ก่อนการรายงานตัวว่า การออกหมายเรียกด้วยการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งผู้มีรายงานในหมายเรียกจะไม่ยอมรับกระบวนใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นเรื่องทางการเมืองที่ใช้กฎหมายรังแกและคุกคามประชาชน

ปิยดา มาเทียน หรือ เฟรม หนึ่งในผู้มีรายชื่อในหมายของ สภ.เมืองขอนแก่น ขณะชี้แจงว่า การจัดกิจกรรม “อีสานบ่ย่านเด้อ” ไม่ได้รับหน้าที่เป็นพิธีกร 

ขณะที่ ปิยดา มาเทียน หรือ เฟรม นักศึกษา ม.ขอนแก่น หนึ่งในผู้มีรายชื่อในหมายของ สภ.เมืองขอนแก่น ปราศรัยว่า ได้รับหมายเรียกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ระบุว่า เป็นผู้จัดการชุมนุมเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา แต่ในวันดังกล่าวไม่ได้อยู่จังหวัดขอนแก่น แต่อยู่บ้านที่จังหวัดชัยภูมิ ดังนั้นจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมในวันดังกล่าว

“การออกหมายเรียกครั้งนี้ คิดว่าเป็นการออกหมายผิดตัว ผิดคน คิดว่าตำรวจอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นพิธีกรในการชุมนุมอีสานบ่ย่านเด้อ ทั้งที่ไม่ได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรบนเวทีเลย” ปิยดากล่าว 

ก่อนการเข้ารายงานตัว พริษฐ์ได้เผาหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าไม่ยอมรับการยัดเยียดข้อกล่าวหาและปฏิเสธการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้เสรีภาพในการชุมนุมทุกรูปแบบ 

จากนั้น ผู้มีรายชื่อในหมายเรียกของ สภ.ขอนแก่น ทั้ง 6 คน พร้อมทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจึงเข้ารายงานตัวภายใน สภ.เมืองขอนแก่น โดยสื่อมวลชนและผู้ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปสังเกตการณ์ ซึ่งการรายงานตัวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ผู้มีหมายเรียกของ สภ.ขอนแก่น ต่างชู 3 นิ้วที่เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการและติดป้ายข้อความบนหน้าอกว่า “มิได้เป็นผู้มีมลทินมัวหมอง” 

ต่อมาเวลาประมาณ 12.10 น. ผู้มีหมายเรียกของสภ.ขอนแก่นทั้ง 6 คนได้ออกมาจากสถานีตำรวจ โดยตัวแทนกลุ่มขอนแก่นพอกันทีได้อ่านแถลงการณ์มีใจความว่า ทั้ง 6 คน มิได้เป็นผู้มีมลทินมัวหมอง ด้วยการกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ 

พริษฐ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับทราบข้อกล่าวว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 คน ให้การไปในทิศทางเดียวกัน คือให้การปฏิเสธและไม่ให้ปากคำใดๆ รวมทั้งไม่ตอบคำถามใดๆ เพราะถือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีสิทธิ์เรียกทั้ง 6 คนมาถามตั้งแต่แรก 

“ข้อหาที่ตั้งมานั้นไม่ได้เป็นข้อกล่าวหาที่มีความชอบธรรม โดยเฉพาะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นกฎหมายที่ไม่ควรนำมาใช้ที่สุด ควรยกเลิกการประกาศใช้ตั้งนานแล้ว พวกเราจึงไม่ให้ความร่วมมือกับกระบวนการ และพวกเราก็ไม่เซ็นเอกสารใดๆ ด้วย ดังนั้นขั้นตอนนี้จึงขาดความชอบธรรม” แกนนำกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมกล่าว

จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ขณะป้อน “ก้อย” อาหารอีสานให้ พริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือ เพนกวิน หลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.เมืองขอนแก่น 

จากนั้น กลุ่มนักศึกษา-ประชาชนจึงร่วมทำกิจกรรม “กินก้อยเพื่อประชาธิปไตย” บริเวณด้านหน้า สภ.เมืองขอนแก่น ก่อนจะสลายการชุมนุมเวลาประมาณ 13.00 น. 


หมายเรียกนักกิจกรรม 6 คนที่ปราศรัยบนเวที “อีสานบ่ย่านเด้อ” เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ จ.ขอนแก่น เข้ารายงานตัวต่อ สภ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น 

ทั้งนี้ หมายเรียกระบุข้อกล่าวหาว่าเป็นการร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกันหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย ชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค กระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อสภาะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่กระจายระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อ 

การชุมนุมที่สวนรัชดานุสรณ์ นักศึกษา ประชาชน กลุ่มขอนแก่นพอกันทีได้ร่วมกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ‘อีสานบ่ย่านเด้อ’ โดยสนับสนุนข้อเรียกร้องของเยาวชนปลดแอก 3 ข้อ ได้แก่ ยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อให้เป็นประชาธิปไตย 

image_pdfimage_print