กิตติธัช สังข์จุ้ย เรื่อง
อติเทพ จันทร์เทศ ภาพ
ขอนแก่น – เมื่อเวลา 09.30 น. ภาคีนักเรียน KKC กว่า 20 คน จัดขบวนล้อเลียนการเมืองในงานกีฬาสีของโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย โดยเริ่มตั้งแถวรณรงค์จากสนามกีฬากลางจังหวัดขอนแก่นไปยังโรงเรียนฯ ด้วยระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
โดยขบวนรณรงค์ล้อเลียนการเมืองถูกแยกออกมาจากขบวนกีฬาสีของโรงเรียนและมีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจำลองที่มีข้อความวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สถาบันกษัตริย์ และประเด็นทางสังคม อาทิ การหยุดนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา การเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 เป็นต้น
ทั้งนี้ทางโรงเรียนได้อนุญาตให้ภาคีนักเรียน KKC ที่มีกว่า 20 คนร่วมเดินขบวนกับคณะสีต่างๆ จากสนามกีฬากลางจังหวัดขอนแก่นถึงบริเวณหน้าประตูโรงเรียนเท่านั้น
สมาชิกของภาคีนักเรียน KKC คนหนึ่ง กล่าวว่า มีอาจารย์บางคนขัดขวางไม่ให้ขบวนล้อการเมืองเข้ามาร่วมในกิจกรรมกีฬาสี ด้วยการปิดประตูสนามกีฬากลางเพื่อไม่ให้ขบวนเดินไปยังโรงเรียน แต่ในท้ายสุดขบวนล้อเลียนการเมืองก็สามารถเดินไปยังโรงเรียนได้
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนไม่อนุญาตให้กลุ่มล้อการเมืองเข้าไปภายในโรงเรียน โดยนำรั้วเหล็กมากั้นไว้บริเวณด้านหน้าโรงเรียน โดยไม่ให้ภาคีนักเรียน KKC นำอนุสาวรีย์ฯ และป้ายข้อความต่างๆ เข้าไปภายในโรงเรียน
ด้านขวัญข้าว ตั้งประเสริฐ แกนนำภาคีนักเรียน KKC กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับการที่อาจารย์กีดขวางขบวนล้อเลียนการเมืองของกลุ่มฯ ด้วยการปิดประตู แต่โดยภาพรวมก็ถือว่า กิจกรรมประสบความสำเร็จ เพียงแค่ไม่สามารถนำอนุสาวรีย์ฯ และป้ายข้อความเข้ามาในโรงเรียนได้
“ถ้าอาจารย์มองว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ผมคิดว่า การที่อาจารย์ปิดประตูขัดขวางนั้นทำให้โรงเรียนเกิดความเสื่อมเสียมากกว่า”แกนนำภาคีนักเรียน KKC กล่าว
นักเรียนยืนยันสิทธิแสดงออกทางการเมือง
โมฮอต และดัมมี่ (ไม่ขอเปิดเผยชื่อจริง) นักเรียนที่ร่วมขบวนล้อเลียนการเมือง มองว่า การแสดงออกของขบวนล้อเลียนการเมืองนั้นอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของโรงเรียน
โดยทั้งคู่เห็นว่า การล้อเลียนการเมืองเป็นสิทธิในการแสดงออกอย่างหนึ่งที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งก่อนที่จะจัดกิจกรรมได้พูดคุยกับอาจารย์แล้ว แต่ไม่ได้รับการอนุญาต
ดัมมี่ กล่าวเสริมอีกว่า มีอาจารย์ระดับผู้บริหารโรงเรียนได้อธิบายกับพวกเราว่า โรงเรียนไม่ใช่สถานที่ในการแสดงออกทางการเมือง ซึ่งพวกเราเห็นว่า เป็นการปิดกั้นการแสดงออกและเป็นการแสดงออกถึงการใช้อำนาจเกินขอบเขตของผู้บริหารโรงเรียน
“เรามีสิทธิที่จะแสดงความเห็น เพราะเราไม่ได้ทำเรื่องที่ร้ายแรง” โมฮอต กล่าว
จากกรณีที่มีเยาวชนถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ทั้งคู่กล่าวว่ารู้สึกหดหู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการลิดรอนสิทธิของเยาวชน ทุกคนมีสิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกกังวลกับการแสดงออกทางการเมืองของตน
“การกระทำดังกล่าวเป็นการทำให้นักเรียนคนหนึ่งต้องเสียอนาคตโดยเหตุผลทางกฏหมายที่ไร้สาระ”ดัมมี่ กล่าว
ส่วนเอ (ไม่ขอเปิดเผยชื่อจริง) นักเรียนมัธยมจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย กล่าวว่า ขบวนล้อการเมืองของกลุ่มภาคีนักเรียน KKC ทำเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เนื่องจากการเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคน
“การที่อาจารย์ห้ามไม่ให้นักเรียนแสดงออกทางการเมืองก็ต้องฟังเหตุผลของอาจารย์และฟังเหตุผลของนักเรียน แต่ส่วนตัวเห็นว่า การแสดงออกทางการเมืองก็เป็นเรื่องที่ควรจะทำ”เอ กล่าว
ผู้บริหารห้ามทุกคนแสดงออกทางการเมือง
ขณะที่อาจารย์ฝ่ายปกครองโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยคนหนึ่ง กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่ต้องการให้นักเรียนแสดงออกทางการเมืองนั้น เนื่องจากโรงเรียนมีข้อห้ามในการแสดงออกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง
“การแสดงออกทางการเมืองจะทำให้ชื่อเสียงของโรงเรียนเสื่อมเสียและต้องอาจารย์ต้องการให้นักเรียนแสดงออกในเรื่องสร้างสรรค์อื่นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องการเมืองมากกว่า”
อาจารย์ฝ่ายปกครองคนนี้ยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของคณะผู้บริหารที่ไม่ต้องการให้นักเรียนและบุคลากรแสดงออกทางการเมือง
จากสถานการณ์ฝนตกชุกในภาคอีสาน ทำให้หลายพื้นที่ต่างเตรียมการรับมือและเฝ้าระวังพายุจากมรสุมที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้มวลน้ำไหลลงสู่แม่น้ำชี และแม่น้ำมูลในปริมาณที่มาก โดยเฉพาะพื้นที่ จ.อุบลราชธานี หลายภาคส่วนต่างร่วมกันเตรียมการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำร้อยปี 2565
จากกรณีที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 8-9 กันยายน 2566 ซึ่งในวันที่ 8 กันยายน นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีตลอดจนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมเขื่อนอุบลรัตน์และพบปะประชาชนอยู่ในพื้นที่ชลประทานและอยู่นอกพื้นที่ชลประทานเพื่อพูดคุยประเด็นปัญหาภัยแล้งผลกระทบจากเอลณีโญ่พื้นที่ทำกินและการบริหารจัดการน้ำ
วันนี้ 11.00 น. เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมชาวยโสธร ตั้งคำถามถึงกรณีล่าสุดที่ วิรุจ วิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ให้สัมภาษณ์ต่อรายการวิทยุประจำจังหวัด ซึ่งมีหลายประเด็นที่สร้างความไม่พอใจ โดยเฉพาะการกล่าวถึงประชาชนที่ยากจน ขี้เกียจ ไม่ทำงาน รอเพียงการช่วยเหลือจากรัฐบาล และไม่ต้องการให้ยโสธรเกิดการพัฒนา ซึ่งเมธา กล่าวผ่านเฟซบุ๊กของตน ว่าเป็นวิธีคิดแบบเผด็จการ
นายก อบต.เกษตรวิสัย สั่งปลด 2 รองนายกฯ และเลขานายกฯ โดยไม่แจ้งความผิด หลังกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าขยะเกษตรวิสัยลุกฮือปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น พร้อมให้ยกเลิกโรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่ตำบลเกษตรวิสัยทันที
