รัศมี ชาติชำนาญ นักศึกษาฝึกงาน The Isaan Record 

อติเทพ จันทร์เทศ ภาพ 

เปลวแดดอันร้อนแรงตอนช่วงบ่ายแก่ๆ ของเดือนกุมภาพันธ์ แต่ “สุรีย์รัตน์ ชีวารักษ์” แม่ของ พริษฐ์ ชีวารักษ์​ หรือ เพนกวิน ยังคงร่วมกิจกรรม “เดินทะลุฟ้า คืนอำนาจให้ประชาชน” เพื่อรณรงค์ให้ปล่อยตัวลูกชายของเธอและแกนนำราษฎรอีก 3 คนด้วยระยะทาง 247.5 กิโลฯ จากนครราชสีมาถึงกรุงเทพฯ 

เธอยกมือปาดเหงื่อหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงที่ต้องเดินขึ้นเนินเขาบริเวณจังหวัดสระบุรี แต่กลับไม่มีท่าทีย่อท้อ 

จดหมายจากเพนกวินที่ส่งผ่านทนายมาทำให้แม่เข้มแข็ง เขาเขียนมาบอกว่า แม่ไม่เคยทิ้งเขา เหมือนกับเขายังอยากให้เราอยู่กับเขา มันก็ทำให้เรากลับมาบอกตัวเองว่า เราจะเข้มแข็งไม่น้อยกว่าลูก เราจะต่อสู้ไปด้วยกัน จะไม่ทิ้งกัน เราจะจับมือกันไปจนถึงวันที่เราไม่อยู่ในโลกนี้”

เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอมาร่วมกิจกรรมเดินทะลุฟ้าฯ จัดโดยกลุ่มราษฎรอีสานและ People Go Network 

“เพื่อต่อสู้เคียงข้างไปกับเพื่อนลูก” 

ลูกชายของเธอถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 หลังตกเป็นจำเลยฐานหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยุยงปลุกปั่นฯ ตามมาตรา 116 และอีกหลายข้อหาจากกรณีจัดการชุมนุมทางการเมืองเมื่อ 19-20 กันยายน 2563 

วัยเด็ก “เพนกวิน” นี้รักสงบ 

ขณะเธอพักเหนื่อยระหว่างทาง The Isaan Record จึงสนทนากับเธอเพื่อให้เห็นเส้นทางของนักสู้อย่าง “เพนกวิน”  

“เพนกวินเป็นเด็กเลี้ยงง่ายมากถึงง่ายมากที่สุด คนบอกว่า ถ้าไม่เห็นผ้าอ้อมกางก็ไม่รู้เลยว่า มีเด็ก คือ เขาจะไม่ค่อยร้อง ตอนเด็กๆ เราจะเรียกเขาว่า ไทยนี้รักสงบ คือ ถ้าเล่นของเล่นแล้วมีเพื่อนมาแย่งตุ๊กตาเน่าๆ ตัวโปรดที่เด็กชอบกัน เขาก็จะไม่สู้ เขาก็ให้ไปเลย แล้วไปเล่นอย่างอื่น” 

พฤติกรรมวัยเด็กของลูกชายเป็นอย่างนี้จนแอบตั้งคำถามว่า ทำไมลูกไม่ต่อสู้เลย แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอรู้ว่า ลูกไม่ชอบความรุนแรง 

“มีครั้งหนึ่งน้องสาวจะลงโทษลูกที่มาแย่งของๆ กวิ้น แต่กวิ้นก็เดินมาดึงเสื้อเรา แล้วบอกว่า ให้เอาของอันนั้นไปให้น้องสาวแทน เขาเป็นคนแบบนี้”เธอเล่าวีรกรรมแห่งสันติวิธีของลูกชาย  

โลกหนังสือเปิดจินตนาการ 

ด้วยความที่อ่านหนังสือออกก่อนวัยเรียนจึงทำให้เด็กชายพริษฐ์ตกอยู่ในห้วงภวังค์ของหนังสือตั้งแต่เยาว์วัย โดยเฉพาะรามเกียรติที่อ่านจนรู้ทุกซอกทุกมุม 

“เขาเป็นคนจะทำอะไรก็ต้องไปให้สุด มีครั้งหนึ่งที่เขามาถามเราว่า มี๊ครับ รามเกียรติ์เล่มนี้ผิด มี๊ซื้อมาได้ยังไง”เป็นคำถามที่เธอก็ตอบลูกไม่ได้ 

หลังจากนั้นเธอก็พยายามหาความรู้จากห้องเรียนที่คิดว่า เชื่อมโยงกับรามเกียรติ์ให้เด็กชายพริษฐ์ได้รู้จัก ด้วยการพาไปวัดพระแก้ว 

เมื่อไปถึงลูกชายของเธอก็เดินวนอยู่หลายรอบแล้วอธิบายว่า จุดนี้เป็นอย่างไร กระทั่งเธอเหนื่อยและนั่ง ลูกชายก็ยังเดินวนอีกหลายรอบ 

“เขามาบอกเราว่า ผิดหวังจังเลย เพราะมันน้อย”เธอเล่าพร้อมกลั้วหัวเราะ เพราะไม่รู้จะพาที่ไหนจึงจะอธิบายเรื่องรามเกียรติ์ให้เด็กชายวัยประถมได้รู้จักอย่างอิ่มเอม  

สุรีรัตน์ ชีวารักษ์ (ขวาสุด) นั่งข้าง พริ้ม บุญภัทรรักษา แม่ไผ่ ดาวดิน (กลาง) และ ยุพิน จาดนอก แม่ของไมค์ ภานุพงษ์ (ซ้ายสุด) ขณะนั่งพักเหนื่อยจากการเดินทะลุฟ้าฯ ที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง จ.สระบุรี 

เรียนดี กิจกรรมเด่น 

แม้เพนกวินจะเป็นเด็กเรียน แต่ใช่ว่า เขาจะไม่สนใจทำกิจกรรมในโรงเรียนเลย ตรงกันข้ามเขากลับสนุกสนานที่ได้ร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนจัดทุกครั้ง 

“แม่เคยไปรับเขาตอนซ้อมกีฬาสี เราก็เห็นเด็กร้องเพลง แล้วก็เต้นๆ ก็คิดในใจว่า กรุณาอย่าใช่ลูกฉันนะ พอเดินไปใกล้ๆ ก็เป็นลูกเราจริงๆ ด้วย แล้วเราก็ถามว่า ไม่อายเหรอลูก เขาก็บอกว่า ไม่ได้ทำผิดอะไรก็ไม่เห็นต้องอาย”เธอเล่าวีรกรรมของลูกชายแบบติดตลก 

เธอบอกว่า ลูกชายมีความสุขที่ได้ทำกิจกรรม ได้แสดงออกในที่สาธารณะ มีหลายครั้งที่ลูกมาบอกว่า จะแข่งขันตอบรางวัล พอกลับมาบ้านก็บอกว่า ไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจ เพราะครูที่โรงเรียนให้เป็นพิธีกรแทน 

“ครูเคยบอกว่า เพนกวินเป็นเด็กเรียนนะ แต่กิจกรรมก็ทำหมดทุกอย่าง เขายังบอกครูด้วยว่า ให้มาใช้บริการใหม่ เพราะชอบอะไรที่เฮฮาปาร์ตี้”เธอเล่าอย่างภูมิใจในตัวลูกชาย 

ลูกเปิดประตูร่วมกิจกรรมการเมือง 

เธอจำได้ว่า ลูกชายเริ่มเปิดประตูเข้าสู่การเคลื่อนไหวเรื่องสังคม โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาเมื่อตอนที่เขาอยู่มัธยมต้น 

ตอนนั้นเธอก็ถามลูกด้วยความสงสัยว่า ทำไมต้องทำ เพราะเห็นลูกเหนื่อย แต่คำตอบทำให้เธอต้องหันมาทบทวนคำถาม แล้วกลายเป็นผู้สนับสนุนเสียเอง 

ลูกอธิบายว่า แม้พ่อแม่จะออกเงินค่าเทอมให้เขาได้เรียนหนังสือ แต่บางคนที่เป็นคนชายขอบ ไม่มีโอกาส เขาจึงอยากจะช่วยเหลือบุคคลเหล่านั้น 

“เขาบอกว่าชาติหนึ่ง ถ้าชีวิตนี้เกิดมาแล้วไม่สามารถที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรสังคมให้ดีขึ้นได้ เพนกวินเสียชาติเกิด”เธอเล่าสิ่งที่ลูกเคยสะท้อนให้ฟังถึงความตั้งใจในการเคลื่อนไหวเรื่องการศึกษา 

ขณะทีมเดิน “ทะลุฟ้า คืนอำนาจให้ประชาชน” เดินบนถนนวิภาวดีขาเข้า ช่วง จ.สระบุรี มีประชาชนโบกมือให้กำลังใจตลอดเส้นทาง

เคลื่อนไหวปฏิรูปสถาบัน 

แต่แล้วการเคลื่อนไหวของลูกชายก็เชี่ยวกรากขึ้น โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ด้วยข้อเสนอ 10 ประการที่นำมาสู่การถูกจำคุกครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2563 ที่ศาลธัญบุรี 

แม้ลูกชายจะเตรียมตัวและเตรียมใจต่อการถูกคุมขัง เพราะการเลือกเส้นทางนี้ การถูกคุมขังถือเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง 

แต่การถูกขังครั้งล่าสุด แตกต่างจากครั้งก่อนๆ อย่างลิบลับ 

ตอนนั้นยังมีพี่น้องมวลชนข้างนอกเรียกร้องช่วยเขาอยู่ เราก็เลยสบายใจว่า เออ..เดี๋ยวก็คงได้ปล่อย แต่ตอนนี้มันต่างกัน”เธอโอดครวญถึงชะตากรรมที่ลูกชายถูกคุมขังอย่างไร้คืนวันของการปล่อยตัว 

เพราะตอนนี้สัญญาณการปล่อยตัวแทบไม่มี 

“มันเป็นการขังไปเรื่อยๆ จนกว่าคดีจะจบ สมองแม่มันก็เลยคิดว่า อ้าว เวรกรรมจะกี่ปีเนี่ย”เธออุทานสิ่งที่ได้ยินจากทนายความ 

เธอพยายามทำทุกวิถีทางที่คนเป็นแม่อย่างเธอจะทำได้ 

แต่แล้วการขอประกันตัว 4 แกนนำคณะราษฎร หลังจากปล่อยตัวแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ล้มเหลว 

ความล้มเหลวในการประกันตัวติดต่อกันหลายครั้งทำให้หัวอกของคนเป็นแม่ต้องอยู่ในอาการพะวง 

เพราะเธอรู้ว่า การอยู่ในเรือนจำไม่ใช่สถานที่สุขสบาย 

“มันคิดตลอดว่า ลูกเราจะกินอะไร รสชาติอาหารเป็นยังไง ฝนตกลูกจะหนาวไหม เพราะเขามีแค่ผ้าสามผืนที่ใช้ทั้งห่ม ทั้งปูนอน” สุรีย์รัตน์บรรยายความทุกข์ยากที่ได้ฟังจากปากลูกขณะไปเยี่ยมที่เรือนจำ 

พอฟังความทุกข์ยากของลูกทำให้เธอตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำอย่างไรถึงจะช่วยให้ลูกออกมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้ 

“เราก็ตั้งคำถามว่า ลูกต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่ในนั้นเหรอ”

“อยากให้ลูกอดทน แล้วเราจะสู้ไปด้วยกัน”สุรีย์รัตน์ ชีวารักษ์” แม่ของ พริษฐ์ ชีวารักษ์​ หรือ เพนกวิน

ชีทเรียนที่ไปไม่ถึง 

เธอแวะเวียนไปเยี่ยมเยือนลูกชายก่อนร่วมกิจกรรมเดินทะลุฟ้าฯ ทำให้รู้ว่า สิ่งที่ลูกเป็นกังวล คือ การเรียน โดยเฉพาะช่วงใกล้สอบมิดเทอมที่เขาขอให้เธอส่งสมุดโน๊ตและชีทเรียนไปให้ 

แต่เอกสารเหล่านั้นกลับไม่ถึงมือ ทั้งๆ ที่เธอเป็นผู้ส่งเอกสารนั้นไปให้ลูกชายด้วยตัวเอง 

“เราส่งไปตั้งแต่วันแรกที่ถูกจับ แต่ลูกบอกว่า ไม่เคยได้ชีทเรียนเลย เราก็สงสัยว่า ทำไมชีทเรียนไม่ถึงมือหรือว่า มันจะติดโควิดหรืออะไรยังไง”เธอตั้งคำถามพร้อมกับโอดครวญถึงความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น 

“นอกจากคุมขังลูก ไม่ให้อิสรภาพในการแก้ต่างแล้วยังตัดช่องทางในการเรียนของลูกเราอีก เราก็เลยยิ่งรู้สึก เฮ้ย ! มันเกิดอะไรกันขึ้น เกิดอะไรขึ้นในประเทศนี้”เป็นคำถามที่เธอต้องการคำตอบ

หัวอกแม่นักกิจกรรม 

เราถามเธอว่า การเป็นแม่นักกิจกรรมต้องเข้มแข็งกว่าแม่ของคนทั่วไปอย่างไร 

เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า 

“แม่น่ะเหมือนกันทุกคน รักลูกเหมือนกัน แม่ทุกคนก็ห่วงลูกเหมือนกัน ลูกจะเป็นนักกิจกรรม ไม่นักกิจกรรมเราก็ห่วง ตอนที่เป็นนักกิจกรรมทั่วๆ ไปเราก็โอเค มันก็ไม่ได้มีความเสียหายอะไร แต่พอมาเป็นอย่างนี้ ซึ่งมันเป็นความ..”เธอกลืนความขมขื่นลงไปในลำคอ แล้วเอ่ยต่ออย่างช้าๆ  

“เราถูกคุกคาม ถูกตาม จนรู้สึกไม่ปลอดภัย อันนี้เราเริ่มห่วงมากขึ้น ไปไหนเราต้องคุยกันว่า ต้องมีความปลอดภัยและสิ่งที่กังวลมากที่สุดก็คือความปลอดภัยนี่แหละ”

แม้เธอจะห่วงพะวงกับเรื่องความปลอดภัยในชีวิตของลูกชายนักเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่หลายครั้งก็มีเรื่องให้ต้องหนักใจ 

“มีอยู่วันหนึ่ง เขากลับมาบ้านแล้วบอกว่า แม่วันนี้เกือบตาย เราก็ถามว่า ทำไมเขาบอกว่า เรียกรถแท็กซี่แล้ว มีคนหัวเกรียนอยู่บนรถ เหมือนนอกราชการมาเลย”แม้เสียงของเธอจะราบเรียบและแฝงแววตื่นตระหนกกับสิ่งที่ลูกชายเล่า 

นับจากวันที่ลูกชายตัดสินใจเข้าสู่การเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ครอบครัวก็ไม่เคยกลับสู่สภาวะเดิมอีกเลย 

แต่เธอก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ลูกเห็น เพื่อให้เขาได้มีกำลังใจในการเคลื่อนไหวตามอุดมการณ์ของตัวเอง 

เราพยายามเข้มแข็งให้มากเพื่อไม่ให้ลูกเป็นกังวล เขาจะไม่เห็นช่วงที่เราอ่อนแอ น้ำตาคลอหรือว่าร้องไห้ เราต้องกำจัดก่อนที่จะเจอหน้าลูก”เธอบอกและว่า “ถ้าเพนกวินออกมาก็จะไม่เห็นโหมดนั้นเหมือนกันลูก”

เสียงจากแม่ถึงลูกในเรือนจำ 

สุรีย์รัตน์ ร่วมกิจกรรม “เดินทะลุฟ้า คืนอำนาจให้ประชาชน” กับ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ผู้ที่เคยถูกจับกุมขังด้วยข้อหาตามมาตรา 112 นานกว่าสองปี ได้รับกำลังใจจาก พริ้ม แม่ของไผ่ และ ผู้คนรอบข้างทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น 

แม้วันนี้แววตาจะแข็งกร้าวและจัดเวลาให้สัมภาษณ์สื่อทุกครั้งที่มีโอกาสสื่อสาร แต่เธอก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาให้ไหลอาบแก้ม เมื่อต้องเอ่ยถึงลูกชาย หากต้องพลัดพรากด้วยกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรมในสายตาเธอ 

“อยากให้ลูกอดทน ลูกเป็นทั้งชีวิต เป็นทั้งจิตใจของแม่ ต้องรักษาทั้งชีวิตและจิตใจของแม่ให้ออกมาเจอแม่ แล้วเราจะสู้ไปด้วยกัน”เธอกล่าวพร้อมกับกลั้นเสียงสั่นเครือให้หายไปในลำคอ 

“พีท (ชื่อลูกชายที่ใช้ครอบครัว) ไม่ได้จ่ายคนเดียว แม่ร่วมจ่ายด้วย แม่เข้าใจที่พีทบอกป๊าว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้ป๊ากับมี๊ภูมิใจในสิ่งที่ลูกทำ พวกเราภูมิใจ น้องก็ภูมิใจ พวกเราภูมิใจในสิ่งที่ลูกทำ ถึงแม้จะเป็นการเสียสละที่มัน..”เสียงเธอหายไปก่อนจะกล่าวต่อ

“อย่างที่ลูกบอกว่า การต่อสู้ต้องมีเสียสละหรือการสูญเสีย แม้เราจะไม่พร้อม ไม่อยากให้มันเกิด แต่เราก็พร้อมถ้าการเสียสละตรงนี้…อย่างที่ลูกบอกถ้าเสียสละส่วนน้อยเพื่อคนส่วนใหญ่ แม้เราจะเจ็บปวดโดยที่คนอื่นไม่เห็นแผล แต่แม่ก็คิดว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีกับคนอื่นๆ แม่อยากให้ลูกเข้มแข็ง วันหนึ่งเราอาจจะได้ออกมาเจอกัน

“ถ้าลูกว่างก็คิดถึงกันบ้าง…คิดถึงแม่บ้าง แม่รักพีทที่สุด”เป็นถ้อยคำที่แม่ “สุรีย์รัตน์” ฝากถึงลูกชาย “พริษฐ์” ที่อยู่ในเรือนจำกรุงเทพฯ

image_pdfimage_print