กรุงเทพฯ – เมื่อเวลา 10.30 น.จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ผู้จัดกิจกรรมเดินทะลุฟ้า ทวงอำนาจให้ประชาชน ที่เดินออกจาก ม.เกษตรศาสตร์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2564 ว่า มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการสานต่ออุดมการณ์ของคณะราษฎร จิตวิญญาณอุดมการณ์ประชาธิปไตย เพราะ กทม.เป็นศูนย์รวมอำนาจรัฐ ปัญหาและนโยบายต่างๆ ดังนั้นพื้นที่อนุสาวรีประชาธิปไตยจึงเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ 

เขากล่าวอีกว่า วันนี้จะแถลงยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวในอนาคต รวมทั้งเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนเรา แก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ยกเลิกมาตรา112 และ พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา) ออกไป เพราะใช้กฎหมายจับกุมคุมขังคนที่เห็นต่างทางการเมือง “ถ้าวันนี้ตำรวจขัดขวางที่ไหนเราก็จะปักหลักที่นั่น ถ้าเราโดนสลายหรือไม่ได้เดินต่อก็จะปักหลักอยู่ตรงนั้น หรือถ้าถูกสลายการชุมนุมก็ให้ไปรวมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย”ไผ่ กล่าว

“ถ้าวันนี้ตำรวจขัดขวางที่ไหนเราก็จะปักหลักที่นั่น ถ้าเราโดนสลายหรือไม่ได้เดินต่อก็จะปักหลักอยู่ตรงนั้น หรือถ้าถูกสลายการชุมนุมก็ให้ไปรวมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย”ไผ่ กล่าว

“ถ้าผมโดนจับ ถ้าอะไรเกิดขึ้นกระบวนการก็ยังดำเนินต่อไป เพราะไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว ยังมีปัญหาของผู้คนมากมายที่พร้อมจะออกมาเรียกร้องปัญหา”

ถามว่า เกรงว่า จะมีเหตุปะทะไหม จตุภัทร์ กล่าวว่า เราไม่ต้องการปะทะ ถ้าจะเหตุปะทะเราจะปักหลักอยู่ที่นั่น 

หลวงพ่อจากวัด จ.สุรินทร์ ยืนเผชิญหน้ากับตำรวจควบคุมฝูงชนบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ภาพเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2564

หลวงพ่อไม่กลับวัด จ.สุรินทร์ 

ส่วนหลวงพ่อจากวัดใน อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ระหว่างการร่วมเดินทะลุฟ้าฯ ที่เข้าร่วมตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ว่า ตั้งแต่เข้าร่วมก็เห็นทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คนที่เห็นด้วยก็ชูสามนิ้วให้ ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยก็จะด่าว่าพระไม่ดี 

“เราต้องเปรียบเทียบว่า ระหว่างคนที่ชูสามนิ้วกับคนด่า อย่างไหนมากกว่ากัน ถ้าเห็นว่าคนที่ชูสามนิ้วก็มากกว่าก็แสดงว่าเราทำถูก ซึ่งตั้งแต่ออกมาเคลื่อนไหวก็ยังไม่มีพระผู้ใหญ่ออกมาตำหนิติเตียน ส่วนใหญ่ก็ยกนิ้วโป้งให้”พระจาก จ.สุรินทร์ กล่าว 

ส่วนหลังจากนี้จะร่วมเคลื่อนไหวหรือไปนั้น พระรูปนี้กล่าวว่า คงไม่กลับไปที่วัด จ.สุรินทร์อย่างแน่นอน เพราะถ้ากลับไปก็คงจะถูกไล่ออกจากวัด เหมือนเยาวชนบางคนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้วถูกพ่อแม่ไล่ออกจากบ้าน

ผู้ร่วมกิจกรรมแปะรูปแกนนำราษฎรที่ถูกขังในเรือนจำเพื่อรณรงค์ให้ปล่อยตัว

ออกเดินจากโคราชถึง กทม.

กิจกรรมเดินทะลุฟ้า คืนอำนาจให้ประชาชนวันนี้ (7 มีนาคม 2564) เป็นการเดินวันที่ 18 ซึ่งถือเป็นสุดท้าย จัดโดยกลุ่มราษฎร และ People Go Network ที่เริ่มจากลานย่าโม จ.นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 และจะสิ้นสุดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รวมระยะทาง 247.5 กิโลเมตร

มีหลายเครือข่ายจากภาคอีสานเข้าร่วม อาทิ เครือข่ายราษฎรโขงชีมูล เครือข่ายความหลากหลายทางเพศอีสาน กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด จ.เลย กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่ จ.หนองบัวลำภู เป็นต้น 

สี่ข้อเรียกร้องของกลุ่มราษฎร ภาพเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2564

สี่ข้อเรียกร้องของราษฎร

การทำกิจกรรมครั้งนี้ข้อเรียกร้อง 4 ข้อ คือ 1.ปล่อย 4 แกนนำที่ถูกคุมขังด้วยมาตรา 112 คือ พริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือ เพนกวิน, ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์, สมยศ พฤกษาเกษมสุข และ อานนท์ นำภา 2.เรียกร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  3.ยกเลิกการใช้มาตรา 112 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี 

ทั้งนี้ในแต่ละวันผู้จัดกิจกรรมได้กำหดนการเดินวันละ 15 กิโลเมตร และพักทุกๆ 3 กิโลเมตร ซึ่งที่ผ่านมามีแม่ของแกนนำราษฎร 2 คนที่ถูกจับมาร่วมเดินทะลุฟ้าฯ ด้วย คือ สุรีย์รัตน์ ชีวารักษ์​ แม่ของพริษฐ์ หรือเพนกวิน และ แม่ของอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน 

ตำรวจพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หวิดปะทะกับผู้ร่วมกิจกรรมเดินทะลุฟ้า หลังจากพยายามปลดป้ายผ้าบนสะพานลอย ภาพเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2564

ใน-นอกเครื่องแบบตามปะกบ

ตลอดการทำกิจกรรมทั้ง 18 วัน มีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบติดตามดูความเคลื่อนไหวของการทำกิจกรรมอย่างใกล้ชิด บางพื้นที่ได้ส่งคนที่ไม่แสดงตัวมาถ่ายรูปและสอบถามประวัติของผู้ร่วมกิจกรรม โดยเฉพาะบริเวณ อ.ลำตะคอง จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ได้ส่งโดรนมาถ่ายรูปมุมสูงการทำกิจกรรมครั้งนี้

ส่วนพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เกิดเหตุมีปากเสียงระหว่างตำรวจท้องที่และผู้ร่วมกิจกรรมเดินทะลุฟ้าฯ หลังจากเจ้าหน้าที่พยายามดึงป้ายที่มีข้อความ “ยินดีต้อนรับทีมเดินทะลุฟ้า” ออกจากสะพานลอยริมถนนวิภาวดี ท้ายสุดตกลงกันว่า จะไม่ปลดป้ายผ้าที่มีข้อความดังกล่าวออก 

แม่ของนักกิจกรรม 3 คนร่วมเดินทะลุฟ้า คือ พริ้ม บุญภัทรรักษา (คนที่สองจากซ้าย) สุรีรัตน์ ชีวารักษ์ คนที่สามจากซ้าย และ แม่ไมค์ ภานุพงษ์ จาดนอก (คนที่สองจากขวา)

ขณะที่บรรยากาศวันที่ 6 มีนาคม 2564 หลังจากทีมเดินทะลุฟ้าเดินออกจากห้างสรรพสินค้าเซียร์ รังสิต มาถึงบริเวณแยกอนุสรณ์สถานแห่งชาติที่จะสามารถตัดไปถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดีได้ ก็มีตำรวจควบคุมฝูงชนประมาณ 1 กองร้อย เข้าเจรจาเพื่อขอให้เปลี่ยนเส้นทาง แต่แกนนำทีมเดินทะลุฟ้าฯ ไม่ยินยอม เนื่องจากทราบว่า เส้นทางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้นำตู้เหล็กมากั้นเส้นทาง 

หลังการเจรจากว่าหนึ่งชั่วโมงก็สามารถใช้เส้นทางบนถนนวิภาวดีเพื่อเดินถึง ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน ได้ตามกำหนด

ผู้ร่วมกิจกรรมเดินทะลุฟ้าฯ ถือกรอบรูป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีข้อความล้อเลียนการเมือง ภาพเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2564
image_pdfimage_print