บุรีรัมย์ – วันที่ 7 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนจังหวัดบุรีรัมย์ อย่างน้อย 2 ราย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตาม หลังจัดกิจกรรม “ชาวบุรีรัมย์ทวงคืนประชาธิปไตย” ในวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดป้ายทะเบียนตามรถนักกิจกรรมทางการเมืองหลังจัดกิจกรรม และผู้จัดกิจกรรมซึ่งเป็นเยาวชนถูกบุกรุกเข้าไปในบ้านพักโดยที่ไม่มีหมายค้นและหมายศาล
กันตพัฒน์ มาตรบรรเทา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 64 ที่ผ่านมา ก่อนการจัดกิจกรรมได้มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปหาที่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอหนองกี่ โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปสอบถามเกี่ยวกับการทำกิจกรรม รวมทั้งถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน โดยที่ไม่มีหมายค้นหรือหมายศาลแต่อย่างใด
กันตพัฒน์ กล่าวต่อว่า หลังจัดกิจกรรมเจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวเขาและเพื่อนโดยการขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนตาม ซึ่งในตอนนั้นเป็นช่วงค่ำเวลาวิกาล กังวลว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัย
“เจ้าหน้าที่เข้ามาในบ้าน เปิดประตูเข้ามาเลย ไม่มีหมายศาลหมายค้น เราก็แค่เยาวชนที่ต้องการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพ ไม่ใช่ผู้มีความผิดร้ายแรง การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิและทำหน้าที่เกินขอบเขต” กันตพัฒน์ กล่าว
สำหรับ กันตพัฒน์ เป็นนักเรียนในอำเภอหนองกี่ ที่ทำกิจกรรมทางการเมืองและถูกคุกคามมาแล้วหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดเขาได้ถูกเจ้าหน้าที่เข้าไปหาที่บ้านและถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ติดป้ายยกเลิกกฏหมาย ม.112
สอดคล้องกับ อนันตชัย โพธิขำ หนึ่งในผู้ถูกคุกคามกล่าวว่า ในวันนั้นได้นำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปขนของช่วยเพื่อนซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดกิจกรรม ถูกเจ้าหน้าที่ทั้งในเครื่องแบบและบุคคลที่คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ ขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดป้ายทะเบียนตาม ตั้งแต่ตอนจัดกิจกรรมและหลังจัดกิจกรรมเสร็จก็ยังมีการติดตามโดยไม่มีการแสดงตัว ทำให้เกิดความกังวลและรู้สึกไม่ปลอดภัย
อนันตชัย กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ควรเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่ใช่อยากทำอะไรก็ได้ตามใจ ในวันนั้นได้มีการเข้ามาค้นกระเป๋าผู้จัดกิจกรรมและคุกคามด้วยการติดตามโดยที่ไม่แสดงตัว การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ
“มีรถจักรยานยนต์ตำรวจไม่น้อยกว่า 3 คัน ขับตาม หลังทำกิจกรรมเสร็จ ได้ออกไปต่างอำเภอ ที่ออกไปกว่า 10 กิโลเมตร แต่รถเจ้าหน้าที่ก็ยังขับตามไป ซึ่งในเวลานั้นเป็นยามวิกาล และรถตำรวจไม่ติดป้ายทะเบียน ทำให้พวกกังวลเรื่องความปลอดภัย” อนันตชัย กล่าว
ทั้งนี้การจัดกิจกรรม “ชาวบุรีรัมย์ทวงคืนประชาธิปไตย” เป็นการรวมตัวกันของประชาชนแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทำกิจกรรมทางการเมือง แต่ถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ ทำให้เหลือเพียงชูป้ายเรียกร้องบุคคลสูญหายเท่านั้น
อ่านประกอบ :
จากสถานการณ์ฝนตกชุกในภาคอีสาน ทำให้หลายพื้นที่ต่างเตรียมการรับมือและเฝ้าระวังพายุจากมรสุมที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้มวลน้ำไหลลงสู่แม่น้ำชี และแม่น้ำมูลในปริมาณที่มาก โดยเฉพาะพื้นที่ จ.อุบลราชธานี หลายภาคส่วนต่างร่วมกันเตรียมการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำร้อยปี 2565
จากกรณีที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 8-9 กันยายน 2566 ซึ่งในวันที่ 8 กันยายน นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีตลอดจนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมเขื่อนอุบลรัตน์และพบปะประชาชนอยู่ในพื้นที่ชลประทานและอยู่นอกพื้นที่ชลประทานเพื่อพูดคุยประเด็นปัญหาภัยแล้งผลกระทบจากเอลณีโญ่พื้นที่ทำกินและการบริหารจัดการน้ำ
วันนี้ 11.00 น. เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมชาวยโสธร ตั้งคำถามถึงกรณีล่าสุดที่ วิรุจ วิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ให้สัมภาษณ์ต่อรายการวิทยุประจำจังหวัด ซึ่งมีหลายประเด็นที่สร้างความไม่พอใจ โดยเฉพาะการกล่าวถึงประชาชนที่ยากจน ขี้เกียจ ไม่ทำงาน รอเพียงการช่วยเหลือจากรัฐบาล และไม่ต้องการให้ยโสธรเกิดการพัฒนา ซึ่งเมธา กล่าวผ่านเฟซบุ๊กของตน ว่าเป็นวิธีคิดแบบเผด็จการ
นายก อบต.เกษตรวิสัย สั่งปลด 2 รองนายกฯ และเลขานายกฯ โดยไม่แจ้งความผิด หลังกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าขยะเกษตรวิสัยลุกฮือปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น พร้อมให้ยกเลิกโรงไฟฟ้าขยะในพื้นที่ตำบลเกษตรวิสัยทันที
