จาก ยืน-หยุดขัง ถึง อ่าน-หยุดขัง 112 เมื่อคนอีสานส่งเสียงผ่านสันติวิธี

40 กว่าวันผ่านไปแล้ว สำหรับกิจกรรมยืน – หยุดขัง 112 จากแรกเริ่มใช้เวลาทำกิจกรรม 112 นาที ลดลงเหลือ 1.12 ชั่วโมง เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มพลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen ที่จัดกิจกรรมขึ้น ด้วยการยืนเฉยๆ แล้วถือป้ายหรือรูปผู้ต้องขัง หน้าศาลฎีกา กรุงเทพมหานคร เพื่อเรียกร้องการปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองและผู้ต้องขังคดีความตามมาตรา 112 ด้วยสันติวิธี และมีการกระจายตัวของกิจกรรมออกไปตามภูมิภาคทั่วประเทศ 

แม้ผู้ต้องหาฝากขังคดี 112 หลายคนจะได้ประกันตัวแล้ว อาทิ ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ , จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ทว่ากิจกรรมนี้ยังไม่หยุด แต่ได้ขยายตัวออกไปตามภูมิภาคต่าง ๆ และมีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำกิจกรรมเพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่

อีสานกับยืน – หยุดขัง  112

ในภาคอีสานกิจกรรม ยืน – หยุดขัง 112 ได้กระจายตัวหลังจากกิจกรรมที่กรุงเทพ ฯ ได้ไม่นาน จังหวัดอุบลราชธานี เริ่มจัดกิจกรรมขึ้นเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 โดย นักวิชาการ นักเขียน และประชาชนชาวอุบลฯ ร่วมกิจกรรมยืนเรียกร้องสิทธิในการประกันตัวเป็นเวลา 112 นาที บริเวณหน้าศาลจังหวัดอุบลราชธานี และจัดต่อเนื่องกันหลายครั้งเฉลี่ยแล้วอาทิตย์ละ 1 ครั้ง

เช่นเดียวกับจังหวัดขอนแก่น ได้มีการจัดกิจกรรมยืน – หยุดขัง -112  ขึ้นในวันแรกเมื่อ 18 เมษายน 2564 โดยกลุ่มนักเรียนนักศึกษาและประชาชน บริเวณทางเข้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝั่งถนนมิตรภาพ และย้ายเข้ามาทำกิจกรรมบริเวณบึงศรีฐาน พื้นที่ในมหาวิทยาลัย โดยทำกิจกรรมต่อเนื่องทุกวัน 

และกิจกรรมยืน – หยุดขัง ได้กระจายตัวออกไปในหลายจังหวัด เช่น อุดรธานี จัดต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 10 แล้วได้มีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมเป็นการพูดคุยออนไลน์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก  อุดรพอกันที – UDdone 

จังหวัดสกลนคร ได้จัดกิจกรรมยืน -หยุดขัง 1.12 ชั่วโมง แล้ว 4 ครั้ง อาทิตย์ละ 1 ครั้ง โดยมีการจัดบริเวณหน้าประตูเมืองและหน้าศาลจังหวัดสกลนคร และได้มีการนัดแนะให้นำหนังสือมาอ่านระหว่าางการทำกิจกรรม เพื่อเป็นการแสดงออกเรียกร้องคืนสิทธิการประกันตัวผู้ต้องหาคดีนักโทษการเมืองและมาตรา 112 

จังหวัด นครราชสีมา จัดกิจกรรมยืน -หยุดขัง 112 ต่อเนื่อง และได้มีการทำกิจกรรมยืนหยุดขัง 10 บริเวณรอบเมืองนครราชสีมา ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 21.00 น. บริเวณศาลจังหวัดนครราชสีมาเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 และยังคงจัดกิจกรรมทุกวันโดยมีการนัดหมายผ่านเพจเฟซบุ๊ก KoratMovement

และอีก 1 จังหวัดที่มาการจัดกิจกรรมต่อเนื่องในทุกวัน คือ จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้จัดในหลากหลายรูปแบบ อาทิ แต่งชุดนักโทษ ยืน – หยุดขัง , ทำกิจกรรมยืน -หยุดขัง หน้าศาลจังหวัด , ทำกิจกรรมมอบอาหารให้ผู้ป่วยโควิดและบุคคลากรทางการแพทย์ จำนวน 112 ชุด ที่โรงพยาบาลฆ้องชัย 

นอกจากจังหวัดที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีอีกหลายจังหวัดและหลายอำเภอกระจายตัวออกไป จัดกิจกรรมยืน -หยุดขัง 112 

เสียงของคนยืน – หยุดขัง 112  

ขวัญข้าว ตั้งประเสริฐ นักเรียนชั้นมัธยมปลาย จังหวัดขอนแก่น ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยืน -หยุดขัง 112 กล่าวถึงเหตุผลของการเข้าร่วมว่า ต้องการที่จะให้ศาลทำหน้าที่อย่างยุติธรรมเป็นไปตามกฏหมาย ให้ปล่อยคนที่ถูกจับไปเพราะยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และต้องการรณรงค์ให้ยกเลิกกฎหมายมาตรา112 ด้วยเช่นกัน 

“กิจกรรมนี้เป็นการแสดงออกเติมพลังให้กับพวกเราอยากบอกว่าอย่าเพิ่งยอมแพ้และก็ยึดมั่นในหลักการของเราไว้ อย่าให้ใครมาปั่นหัวและเล่นตามเกมของเขา ผมก็จะทำกิจกรรมนี้ไปเรื่อยๆ”ผู้เขาร่วมกิจกรรมกล่าว 

ในการเข้าร่วมทุกครั้งสิ่งหนึ่งที่ขวัญข้าวได้เห็น คือ การคุกคามของเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ

 “มีตำรวจนอกเครื่องแบบมาค่อนข้างเยอะและมีการถ่ายรูปผู้ร่วมกิจกรรม มาถ่ายป้ายทะเบียนรถ พยายามกดดันให้เกิดความกลัวและให้เลิกทำกิจกรรม”ขวัญข้าวกล่าว 

ร่วมยืนหยุดขังเพราะความอยุติธรรม

หญิงวัย 50 ผู้เข้าร่วมกิจกรรมรายหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี กล่าวกับ The Isaan Record ถึงเหตุผลของการเข้าร่วมกิจกรรมว่า จะออกมาร่วมกิจกรรมทุกครั้งที่มีโอกาส สาเหตุที่ออกมาร่วมยืนหยุดขังเพราะว่า ไม่เห็นด้วยกับความอยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมาย ที่ไม่ให้สิทธิการประกันตัว ทั้งที่ยังไม่พิสูจน์ว่า ผู้ต้องหาผิดหรือไม่ ยิ่งมาเห็นวันที่ไม่ให้ประกันตัวเพนกวิน (พริษฐ์ ชิวารักษ์) ยิ่งสิ้นหวัง จะออกมาร่วมเพื่อแสดงจุดยืนของเราต่อไป และอยากสนับสนุนนิสิตนักศึกษาที่เรียกร้องประชาธิปไตย 

“เราไม่สามารถไปเปลี่ยนคำตัดสินของศาลได้ แต่เราสามารถประจานความอยุติธรรมได้” ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยืน -หยุดขัง 112 ที่จังหวัดอุดรธานีกล่าว 

ยืน -หยุดขัง 112 หน้าบ้าน 

จากกิจกรรมยืน – หยุดขัง โดยการรวมกลุ่มนัดหมายสถานที่โดยมากที่ปรากฏจะอยู่ในพื้นที่ตัวเมืองตามจังหวัดใหญ่ๆ  ทำให้หลายคนอยากแสดงออกแต่การเดินทางไม่เอื้ออำนวย 

ห่างจากตัวเมืองจังหวัดขอนแก่นราว 30 กิโลเมตร ทิวากร วิถีตน ผู้รณรงค์ให้สวมเสื้อ “เราหมดศรัทธาในสถาบันกษัตริย์แล้ว” ใช้พื้นที่หน้าบ้านตัวเองทำกิจกรรม ยืน -หยุดขัง 112 นาที ตอนเย็นทุกครั้งที่มีโอกาส พร้อมป้ายและข้อความให้ปล่อยผู้ต้องหาคืนสิทธิการประกันตัว , ยกเลิกมาตรา 112 และ ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 

ทิวากร กล่าวในวันแรกที่จัดกิจกรรมว่า หลังจากได้ไปเข้าร่วมกิจกรรม ยืน-หยุดขังที่หน้าศาลที่ศาลฎีกา กรุงเทพฯ แล้วรู้สึกว่า เป็นกิจกรรมที่น่าสนับสนุน การแสดงออกในครั้งนี้เพื่อเรียกร้องให้มีการประกันตัวเพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาออกมาพิสูจน์ความจริง ซึ่งเป็นสิทธิที่ทุกคนควรได้รับ ไม่ว่าจะถูกหรือผิด

“ตอนไปยืนหยุด – ขัง 112 นาที ที่หน้าศาลฏีกาก็พบว่าได้เชื่อมโยงจิตใจกับเพื่อนที่อยู่ในเรือนจำ รู้สึกว่า ผมคิดถึงเขา พอได้ไปยืนอยู่ตรงนั้นแล้วเหมือนว่าได้ยืนอยู่ข้างเขา ได้ร่วมต่อสู้กับพวกเขาในเรือนจำ”

“การยืน – หยุดขังมันเป็นการเยียวยาจิตใจผมทางหนึ่ง แทนที่ผมจะนอนเฉยๆ เท่ากับว่า เรารอให้เขารับชะตากรรมโดยลำพัง กลับมาที่บ้านก็คิดว่า จะยืนหยุด-ขัง หน้าบ้านต่อไป” ทิวากร กล่าว 

เช่นเดียวกันกับหน้าบ้านพักของครอบครัว ‘บุญภัทรรักษา’ บ้านของไผ่ดาวดิน ที่อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ได้จัดกิจกรรมยืน-หยุดขัง หน้าบ้านในทุกเย็น แม้ว่าไผ่ ดาวดิน จะได้ประกันตัวออกมาจากคุกแล้ว ครอบครัวก็ยังได้จัดกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อเรียกร้องให้คืนสิทธิการประกันตัวของผู้ต้องหาที่เหลืออยู่

จากยืน – หยุดขัง 112  ถึงอ่าน – หยุดขัง  112 

กิจกรรมยืนหยุดขังได้ดำเนินมาแล้วกว่า 40 วัน ในภาคอีสานมีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมไปหลากหลายรูปแบบ โดยยึดเอาตัวเลข 112 เป็นสัญลักษณ์และเวลากำหนดกิจกรรม 

ฟิลาเดลเฟีย ร้านหนังสือในสวนดอกไม้ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นอีกแห่งที่จัดกิจกกรรม ด้วยความที่เป็นร้านหนังสือเลยได้จัดกิจกรรม อ่าน -หยุดขัง 112 นาทีขึ้นมา เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ 

 วิทยากร โสวัตร เจ้าของร้านหนังสือ กล่าวถึงเหตุผลของการจัด อ่าน-หยุดขัง 112 ว่ามี 3 ประการ คือ 1 .เราเห็นด้วยกับข้อเสนอของเยาวชนคนหนุ่มสาวเหล่านี้ที่ถูกติดคุกเพียงพราะพวกเขาเรียกร้องปัญหาที่มีอยู่ในสังคม 2.คนที่ยังไม่ถูกพิพากษาเขาควรได้รับสิทธิในการประกันตัวและเราต้องการที่จะ Save กลุ่มที่ออกมาเรียกร้อง อีกด้านเรากำลังกอบกู้ ศักดิ์ศรีของตุลาการ ที่มันบิดเบี้ยว 3.เรื่องของมโนธรรมสำนึก เราเห็นคนที่ถูกกระทำแบบนี้จะอยู่เฉยได้อย่างไร ตราบใดที่ยังยืนยันว่า เป็นนักเขียนเพื่อประชาธิปไตย 

“การแสดงออกเรียกร้องของนักเรียน-นักศึกษา ในรอบนี้ เราเห็นด้วยทุกอย่างเห็นด้วยทุกประการ นับเป็นการแสดงออกเรียกร้องทางการเมืองที่ใกล้เคียงกับ 2475 มากที่สุด เป็นพัฒนาการของสังคม เพราะมันชี้ไปถึงหลุมดำของสังคมไทย และแกนนำเหล่านั้นยังเป็นเยาวชนคนหนุ่มสาว เป็นข้อเรียกร้องที่กล้าหาญที่สุด เขาทำเพื่ออนาคตของเขาและประเทศนี้” 

 วิทยากร กล่าวถึงเหตุผลของการเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาแกนนำ ที่ยังไม่ได้ประกันตัวจากการออกมาเรียกร้องแสดงความคิดเห็นทางการเมือง 

เจ้าของร้านหนังสือฟิลาเดลเฟีย กล่าวต่ออีกว่า เราในฐานะคนทำร้านหนังสืออิสระ และยืนยันตัวเองว่า เป็นนักเขียนฝ่ายประชาธิปไตย อยากเห็นสังคมก้าวหน้า เราไม่อยากให้การต่อสู้ในรอบนี้เลือนหายไปเพียงเพราะว่า เราสยบยอมต่ออำนาจ เราจึงอยากทำให้มีการอ่านหนังสือเกิดขึ้นเพื่อสร้างบ่มเพาะภูมิปัญญา การต่อสู้เพื่อให้ได้ซึ่งสังคมประชาธิปไตย 

“อ่าน-หยุดขัง 112 นาที เพื่อสร้างรากแก้วทางปัญญาที่จะขยายได้หยั่งลึก ให้ขยายแพร่ลงลึกในสังคม มิตินี้เราจะส่งเสริมให้ประชาธิปไตยให้ยั่งยืนในอนาคต”วิทยากร กล่าว

กิจกรรมอ่าน – หยุดขัง 112 เริ่มต้นจากร้านหนังสือ  ฟิลาเดลเฟีย ร้านหนังสือในสวนดอกไม้  ได้เริ่มแพร่กระจายเข้าไปอยู่ในโซเชียลมีเดีย ภายในชื่อแคปเปญ #อ่านหยุดขัง112 โดยมีการนัดหมายอ่านหนังสือทุกวันเป็นเวลา 112 นาที ขณะนี้มีผู้เขาร่วมกิจกรรมมากกว่า 100 รายแล้ว 

• Facebook
• Twitter
• Line