ผู้เขียนบทความนี้นั่งฟังคลับเฮาส์หัวข้อ “ทำไมต้องรื้อประวัติศาสตร์ผีบุญอีสาน” ทางคลับเฮาส์ ที่ The Isaan Record ร่วมจัดที่ห้องกลุ่มพลังคลับแล้วก็ทำให้ต้องตั้งคำถามผ่านเพจบุ๊กส่วนตัว Nattha L. Rattanakosindr ​​ว่า ทำไมการพยายามกดให้ประชาชนลืมกำพืดตัวเองถึงเป็นสิ่งที่พวกเขาหมกมุ่นนัก? 

อลิสลิณณ์ เรื่อง

คืนวันที่ 14 กรกฏาคม 2564 ที่ผ่านมา The Isaan Record จัดเสวนาทางคลับเฮาส์หัวข้อ “ทำไมต้องรื้อประวัติศาสตร์ผีบุญอีสาน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดระดมทุนผ่านเว็บ GoFundMe เพื่อนำทุนมาทำข้อมูลประวัติศาสตร์ขบวนการผู้มีบุญทั่วอีสานและทำบุญใหญ่ที่บ้านสะพือ จ.อุบลราชธานี เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุปราบปรามครั้งใหญ่เมื่อปี 2444-2445 จากฝ่ายผู้มีอำนาจทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 400 คน 

ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์อีสานเมื่อ 120 ปีที่ผ่านมา (ซึ่งดิฉันไม่ชอบการถูกว่า อีสานเท่าไหร่ เพราะมันโดนกำหนดโดยคนบางกอก)

ในขณะที่ฟังไปก็ตระหนักได้ว่า โอ้ ! ชีวิตฉันโดนกดทับมาแต่ก่อนจะออกจากท้องแม่อีกหรือ และมันยังคงกดทับจนเราเจ็บปวดเรื่อยๆ มาจนถึงปัจจุบัน

ในฐานะที่มี hometown อยู่ที่จังหวัดในอีสานใต้ ฉันค่อนข้างมั่นใจมากว่า ผู้คนทั่วไปในจังหวัด เพื่อนๆ ของฉัน รวมไปถึงคนอื่นๆ นอกจังหวัดยังไม่ตระหนักรู้ในสิ่งนี้เท่าไหร่

ฉันเพิ่งรู้ว่า เรามีอักษรเป็นของตัวเอง (อักษรธรรม—หมายถึงในกลุ่มเมืองลุ่มน้ำโขง ชี มูล) เพิ่งรู้ว่า อุบลฯ มีกษัตริย์เป็นเจ้าเมืองอยู่แล้ว (อุ-บล-ราช-ชะ-ธา-นี, อุบล=ดอกบัว, ราช = royal ธานี = city)

ที่จริงแล้วศรีสะเกษเองก็มีเจ้าเมือง (เมืองขุขันธ์) เขาดองกับคนฝั่งพระเจ้าชัยวรมัน (อาณาจักรเขมร) และเพิ่งตระหนักได้ว่า หรือเราต้องเรียกตัวเองว่า ลูกพระเจ้าชัยวรมันที่เจ็ด ไม่ใช่ลูกพระเจ้าตาก

และตอนนี้ก็ยังสงสัยมาตลอดว่า จะสืบหาประวัติบรรพบุรุษตัวเองยังไง

ทำไมการรับรู้สิ่งเหล่านี้ในภาคของคนปกติ ไม่ใส่ภาคของงานวิชาการถึงตามหาได้ยากเหลือเกิน

ทำไมการจะรับรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของบ้านตัวเองต้องไปอ่านตามพิพิธภัณฑ์ หรืองานประจำปี

ป๊าเราเป็นขแมร์สะเร็น อาม่าเป็นจีนที่ข้ามมาจากขแมร์ อากงเป็นจีนที่เข้ามาทางบางกอก (ไม่ทราบรายละเอียด) และแม่ก็เคยเล่าว่าตาเป็นมอญ การถ่ายทอดวัฒนธรรมจากรุ่นสู่รุ่นถูกตัดขาดไป ฉันพูดขแมร์ไม่ได้ เว่าลาวบ่ถนั้ด เว่าไทยบ่ค่อยถืก มอญกับจีนนี่ลืมไปได้เลย หว่อทิงปู้ต่ง 我听不懂!

น่าเสียดายนักที่หลายๆ คนรุ่นหลังไม่ค่อยรู้จักกันตรึม ไม่รู้จักพิณ แคน ไม่รู้จักฟ้อนไห ไม่รู้จักชุดชนเผ่าส่วย หรือชาติพันธุ์กูย  พวกเขาต่างสวมใส่ชุดผ้าไหมย้อมสีจากลูกมะเกลือ สีดำผสมแดง สวยงามตระการตา แต่ทุกอย่างถูกลบหายไปแล้วด้วยรัฐไทยที่คุณพรี่อยากจะได้อำนาจเหลือเกิน

ทำไมการพยายามกดให้ประชาชนลืมกำพืดตัวเองถึงเป็นสิ่งที่พวกเขาหมกมุ่นนัก

การพูดคุยในหัวข้อ “ทำไมต้องรื้อประวัติศาสตร์ผีบุญอีสาน” ทางคลับเฮาส์ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2564

ฉันถูกสะกดจิตให้ดูแคลนตัวเอง พยายามทำตัวเองให้เป็นที่ยอมรับจากคนในกระแสหลัก แม้จะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นแล้ว แต่ยังคงคาดหวังว่า ในอนาคตคนจะยอมรับในความแตกต่างของชาติพันธุ์มากขึ้น

ตอนนี้โกรธจริงๆโกรธมาหลายปีแล้ว ฉันถูกบี้จนเละ และไม่เคยถูกมองเป็นมนุษย์คนหนึ่งเลยสำหรับรัฐไทย

กระทรวงวัฒนธรรมรู้หรือยังว่า มีวัฒนธรรมอีสานอยู่ตรงนี้ ทำไมกูต้องเรียนรำเพลงลาวดวงเดือนเอ่ย?

กระทรวงศึกษารู้ไหมว่า มีประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอยู่ ที่ไม่ใช่ประวัติศาสตร์จากส่วนกลางของกรุงเทพฯ อย่างเดียว technically our king is not from ราชวงค์จักรี แต่อาจจะเป็นเจ้าเมืองขุขันธ์ (?)

เอ๊ะ ! หรือพระเจ้าตากก็เป็น our king เหมือนกันเพราะรากฉันอีกฝั่งก็มาจากแถวนั้น ไอ้คนเลือดผสม!

และอยากย้ำอีกรอบว่า คนศรีสะเกษพูดได้ 5 ภาษา อาทิ ภาษาส่วย ลาว เขมร เยอ ไทย แต่คนทั่วไปนอกจังหวัดอาจจะไม่รู้ เพราะวัฒนธรรมมันโดนกลืนกินไปหมดแล้ว

“มันคือจั่งเฮาเป็นคนอื่นในแผ่นดินเจ่าของ เฮาถืกตัดขาดจากควมเจริญ” คำพูดจากผู้ร่วมตอบคำถามใน clubhouse 

คั่นเจ่าว่าการเมืองบ่แม่นเรื่องปากท้อง บ่แม่นเรื่องในซีวิตประจำวัน เจ้ากะลองคึดใหม่เบิ่ง (my opinion)

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมในซีรีส์ชุดผีบุญในอีสาน

หมายเหตุ: ความคิดเห็นหรือมุมมองต่างๆ ที่ปรากฎบนเว็บไซต์เดอะอีสานเรคคอร์ด เป็นข้อคิดเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่ได้เป็นมุมมองหรือความคิดเห็นของกองบรรณาธิการเดอะอีสานเรคคอร์ด

ร่วมระดมทุนเพื่อทำข้อมูลและทำบุญใหญ่เพื่อผีบุญได้ที่เว็บไซต์ GoFundMe

image_pdfimage_print