โฆษกพรรคก้าวไกล อภิปรายแฉขบวนการไอโอ นายกฯนั่งหัวขบวน เปิดเอกสาร “ราษฎรขอนแก่น” เป็นภัยความมั่นคงถึง 80 คน สำนักข่าว The Isaan Record โดนด้วย
กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 (วานนี้) ที่รัฐสภา ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อ้างกรณีเกี่ยวกับปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของฝ่ายความมั่นคง (IO) ที่เขาเรียกการอภิปรายนี้ว่า “”ปฏิบัติการไอโอกินรวบประเทศ”
ณัฐชา อภิปรายถึงข้อมูลที่ได้รับมา ทั้งคลิปภาพและเสียงเกี่ยวกับการจัดตั้งกองกำลังนักรบไซเบอร์ของกองทัพภาคที่ 2 เพื่อปฏิบัติการข่าวสารและการปฏิบัติการด้านไซเบอร์ประจำศูนย์ปฏิบัติการสารนิเทศ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2
ณัฐชา ระบุว่า หน่วยปฏิบัติการไอโอปัจจุบันนี้มีการทำกันอย่างเปิดเผยชัดเจน มีการจัดทำอบรมนักรบไซเบอร์ แบ่งงานกันทำตามภารกิจเป็นงานขาว งานเทา งานดำ เพื่อคอยสนับสนุนภารกิจ คอยอวย แก้ต่าง แก้ตัวให้ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐบาล โดยใช้เพจและแอคเคาท์อวตาร รวมทั้งปล่อยถ้อยคำสร้างความเกลียดชัง ด้อยค่าฝ่ายตรงข้าม สร้างข่าวปลอม ใส่ร้ายผู้เห็นต่างรัฐบาล
โฆษกพรรคก้าวไกลได้ยกตัวอย่างในห้วงเวลาที่การแพร่ระบาดโควิดรุนแรง กลับมีการปฏิบัติการไอโอ ตอบโต้ผู้ที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานรัฐบาลที่ล้มเหลวและได้กล่าวถามถึงนายกรัฐมนตรีว่า “เคยมีหรือเปล่าจิตสำนึก”
“การที่เขาออกมาสะท้อนความจริงที่เจ็บปวด กลับมีหน่วยปฏิบัติการไอโอกลับมาคอยใส่ร้าย กล่าวหา ใส่ข้อความผิดๆ ล้วนแล้วแต่เป็นคนในกองทัพ ภายใต้การบริหารงานของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ที่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์” ณัฐชา กล่าว
ณัฐชา ระบุต่อถึงงบประมาณที่ใช้ในการปฏิบัติการไอโอ ที่อ้างสงสัยได้ว่า ในการขอรับงบประมาณปี 2565 ของการพัฒนากำลังพลและการดำเนินงาน 3.7 พันล้านบาท มีการระบุลงไปถึงโครงการพัฒนาบิ๊กดาต้าแพลตฟอร์มความมั่นคง งบประมาณ 261 ล้านบาทที่อาจสงสัยได้ว่า จะนำไปเป็นงบประมาณในการทำข้อมูลติดตาม ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เช่นกรณีตัวอย่าง Watch list หรือให้ “จับตา” จำนวน 183 คน รวมถึงบัญชี Social Media อีก 19 ราย ที่มีนักการเมือง นักเคลื่อนไหว และประชาชนที่เห็นต่าง ที่หลุดมาเมื่อต้นเดือนสิงหาคม
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.และโฆษก พรรคก้าวไกล กำลังอภิปรายเกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการไอโอ ในกองทัพภาคที่ 2 ที่แบ่งหน้าที่รับผิดชอบแพจ เพื่อเป็นการปฏิบัติการตอบโต้และด้อยค่าผู้เห็นต่างจากรัฐบาล
ณัฐชา อภิปรายต่อว่า ในการทำงานของหน่วยปฏิบัติการไอโอ มีการประชุมจัดตั้งและรายงานผู้บังคับบัญชา แบ่งหน้าที่กันชัดเจน มีการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงและการมอบรางวัลให้แก่หน่วยงานที่มีผลงานเด่นชัด นอกจากนี้ยังมีหลักฐานเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงปลอม เนื่องจากเอกสารที่ได้รับมาพบว่า มีการจัดฉากถ่ายรูปและการลงรายมือชื่อที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันและผู้ลงรายมือใกล้เคียงกันอีกด้วย
ณัฐชา ระบุถึงการ การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการสารสนเทศของกองทัพภาคที่ 2 ที่แบ่งงานกันทำชัดเจนว่า เป็นผู้ดูแลเพจไหนและต้องทำงานโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างไร อีกทั้งยังมีเอกสารระบุถึงฝ่ายผู้เห็นต่าง “โครงสร้างกลุ่มราษฎรในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น” จำนวน 80 คน ที่มีชื่อที่อยู่และรูปภาพ ประกอบไปด้วยหลายคน อาทิ อาจารย์มหาวิทยาลัย ,นักเรียน – นักศึกษา รวมทั้งสำนักข่าว The Isaan Record ซึ่งมีสำนักงานในจังหวัดขอนแก่น
ขวัญข้าว ตั้งประเสริฐ นักเรียนกลุ่ม kKC อายุ 18 ปี หนึ่งในผู้มีรายชื่อในเอกสารกล่าวว่า เป็นแค่นักเรียนที่เคลื่อนไหวเรื่องการศึกษาและตั้งคำถามกับระบบการศึกษา กลับมีรายชื่อว่าเป็นภัยความมั่นคงของรัฐก็สะท้อนว่า รัฐบาลมองประชาคนผู้เห็นต่างอย่างไร ซึ่งรายชื่อทั้งหมดก็ไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกันเป็นขบวนการเหมือนที่อยู่ในเอกสาร
“ก็กังวลเรื่องความปลอดภัยและการคุกคามจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาหาเราตอนไหน อย่างไรบ้าง โดยอ้างเอกสารหรือคำสั่งเป็นภัยต่อความมั่นคง ทั้งที่เราเป็นแค่นักเรียนที่เคลื่อนไหวประเด็นการศึกษา”ขวัญข้าว กล่าว