“อุ๊งอิ๊ง”- แพทองธาร ประกาศเดินตามรอยพ่อ สานฝันเพื่อไทยรุ่นใหม่ก้าวนำเทคโนโลยี หวังนำ “ทักษิณ” กลับมากราบแผ่นดินเกิดอีกคร้ัง
อติเทพ จันทร์เทศ ภาพ
หมายเหตุ : คำต่อคำ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาว ทักษิณ ชินวัตร กล่าวบนเวทีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น
ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณท่านหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรคที่แต่งตั้งให้ดิฉันมาเป็นที่ปรึกษาพรรคทางด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม inclusion and innovation เป็นหน้าที่ๆ จะต้องเชื่อมต่อระหว่างรุ่นสู่รุ่น ความเข้าใจในแต่ละรุ่น ให้มีความเข้าใจกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความคิด วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมมีความสำคัญมากค่ะ มนุษย์ทุกคนที่อยู่ร่วมกันต้องมีความเข้าใจพื้นฐานทางความคิดของกันและกัน เราต้องพยายามเข้าใจรุ่นที่ไม่ใช่รุ่นเดียวกับเรา หรือรุ่นที่เราเรียกว่า เบบี้ บูมเมอร์ หรือรุ่นของดิฉันจนถึงรุ่นลูก
ความเข้าใจอันนี้จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ด้วยความเข้าใจ พรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนจะต้องเป็นตัวแทนของคนทุกรุ่นทุกวัยด้วย ทุกวันนี้เทคโนโลยีผ่านเร็วมากค่ะ มีนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมามากมายระหว่างที่กำลังพูดกันอยู่ในห้องนี้ นักวิทยาศาสตร์จากทั่วทุกมุมโลก กำลังคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมโลก ประโยชน์ต่อมนุษย์โลกทุกคน แต่ดิฉันมองเห็นว่า คนไทยยังรู้สึกว่าพลาดกระบวนการพัฒนาเหล่านั้น
ส่วนตัวมีความคิดว่า เด็กรุ่นใหม่ยังรู้สึกว่า ตัวเองยังพลาดโอกาส ขบวนเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ก้าวเข้ามา รู้สึกว่า เทคโนโลยีก็ยังก้าวผ่านไปเรื่อยๆ แต่ตัวของพวกเขายังไม่มีโอกาสไขว่คว้าเทคโนโลยีเหล่านั้นไว้ในมือได้สักที ดิฉันคิดว่าตัวดิฉันเองค่อนข้างโชคดีค่ะ เพราะเป็นลูกที่มีความใกล้ชิดกับคุณพ่อ เพราะว่า ช่วงเวลาที่ดิฉันเกิด เป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อ (ดร.ทักษิณ ชิยวัตร) ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้วและมีเวลาให้ดิฉันค่อนข้างมากกว่าพี่ ๆ เมื่อคุณพ่อได้ไปอยู่ที่ต่างประเทศ ดิฉันก็มีเวลาไปหาบ่อย เกือบทุกเดือนหรือแทบจะเดือนเว้นเดือนก็ว่าได้ ตอนนั้นก็ยังไม่มีครอบครัวก็ได้ไปหาบ่อย ไปทุกครั้งก็ได้ไปนั่งคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่าน หลายคนอาจจะได้รู้อยู่แล้วว่า ดร.ทักษิณเป็นคนที่สนใจในเรื่องของเทคโนโลยีอย่างมาก
แพรทองธาร ชินวัตร ลูกสาว ทักษิณ ชินวัตร ไหว้ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หลังประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564
พอไปดิฉันก็ได้รับรู้ความรู้สึกของคุณพ่อที่เป็นรุ่นเบบี้ บูมเมอร์ แต่ท่านด้วยความที่สนใจเทคโนโลยีต่างๆ ท่านก็จะอัพเดทความรู้ใหม่ๆ ให้ดิฉันเสมอ หรือไม่บางทีก็จะมีนักวิทยาศาสตร์ต่างชาติเข้ามาคุยงาน เข้ามาคุยเรื่องธุรกิจและพูดถึงเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าไปมาก ดิฉันมีความรู้สึกจริงๆ ว่า เสียดายที่พี่น้องคนไทยยังไม่ได้มีโอกาสที่จะไขว่คว้าเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ เหล่านั้น
ดิฉันเฝ้าบอกกับตัวเองว่า ความรู้ที่ดิฉันมีมาหรือโอกาสในการไปพบเจอนักวิทยาศาสตร์ต่างชาติมากมาย อยากให้ตัวเองเข้ามามีส่วนร่วมในพรรคเพื่อไทยเพื่อที่จะได้ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ ได้มีโอกาส ได้มีความหวัง และก็ได้ทำฝันของเขาให้เป็นจริง
ดิฉันได้สัมผัสการเมืองมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ตอนนั้นจำได้ว่า คุณพ่อเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นเด็กๆ ก็ยังไม่ได้มีอะไรมาก หลังจากเลิกเรียนก็ไปรอท่านที่กระทรวง ก็จะเห็นว่า มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้ามาคุยมากมาย พอ 9 ขวบ คุณพ่อได้ไปเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม ตอนนั้นคุณพ่อก็พาดิฉันออกไปพบปะประชาชนกับท่านด้วย แล้วก็เสาร์อาทิตย์ก็ได้มีเวลาอยู่กับท่าน ไปดูคอนเสิร์ตกัน ผ่านมาอีก 2-3 ปี จำได้ว่า อายุ 12 คุณพ่อได้ตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้น อันนี้เป็นชื่อที่อยู่ในใจเสมอ
จากนั้นก็พาดิฉันออกไปหาเสียงตามพื้นที่ต่างๆ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ไปมาหมด จำได้ว่า ไปจังหวัดพิษณุโลกที่ อ.บางกระทุ่ม ไปเห็นประชาชนพี่น้องทำกล้วยตาก แล้วก็เอาเปลือกของกล้วยตากไปราดน้ำยาอีเอ็ม แล้วก็หมักเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ตอนนั้นก็เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ทำให้เด็กวัย 12 รู้สึกตื่นเต้น
ต่อมาปี 2003 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเอเปค ตอนนั้นก็เห็นการเตรียมงานก็ยังไม่ทราบเลยว่า ประชุมเอเปค คือ อะไร คุณพ่อก็เล่าให้ฟัง แล้วก็เสาร์ อาทิตย์ คุณพ่อก็ไปดูงานประชุมตลอด
ปีต่อมาก็มีโอกาสได้ตามคุณพ่อไปประชุมเอเปคเหมือนกันที่ประเทศชิลี เป็นไฟล์ทที่ยาวนานที่สุดไฟล์ทหนึ่งของดิฉัน คือ 24 ชม.ไปถึงก็มีโอกาสที่ดีมาก เป็นความภูมิใจหนึ่งของชีวิตที่ทุกวันนี้ยังภูมิใจอยู่ คือได้จับมือกับผู้นำที่มาประชุมเอเปค
ตลอดเวลาที่ติดตามคุณพ่อแล้วก็ได้พูดคุยกับท่าน แล้วก็ใช้เวลากับท่าน ดิฉันสงสัยจริงๆ ว่าทำไมท่านถึงทุ่มเทการทำงาน แล้วก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแล้วหรือว่าท้อแท้บ้างหรือ จนมาวันนี้ดิฉันเข้าใจแล้วว่าเวลาที่ท่านไปพบประชาชน แบ่งเบาความทุกข์ของประชาชน นั่นแหล่ะคือ พลังใจที่แท้จริง เวลาที่ได้ช่วยคนที่ไม่มีโอกาสให้มีโอกาสเพิ่มขึ้นในชีวิต ให้ชีวิตเขาดีกว่าที่เป็นอยู่ นั่นเองคือพลังใจของคุณพ่อ
แม้ดิฉันจะจบคณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ ตอนปริญญาตรี แต่ก็ได้เลือกที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทในสาขาของการบริหารโรงแรม เพราะว่าวางแผนไว้ว่า จะทำธุรกิจต่อจากที่บ้าน
“ดิฉันจริงๆ แล้ว ไม่เคยคิดและทุกวันนี้ก็ยังไม่คิดที่จะเป็นนักการเมือง เพียงแต่ว่า อยากให้คนรุ่นใหม่มีโอกาส เพราะทุกวันนี้ภายใต้วิกฤตการเมืองแบบนี้ ทำให้เขามองไม่เห็นว่า อนาคตจะไปทางไหน มันมีอะไรรอเขาอยู่ในฟิวเจอร์บ้าง”
พรรคเพื่อไทยอาจจะมีโอกาสได้เป็นพรรคการเมืองหลัก แล้วก็ได้มีโอกาสเข้ามาแก้วิกฤตต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการเมือง วิกฤตสังคม และที่สำคัญวิกฤตทางโอกาสของคนรุ่นใหม่ ดังนั้นจึงตอบรับเป็นที่ปรึกษาของพรรคเพื่อไทยในด้านของการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม
ดิฉันตั้งใจอยากจะใช้ประสบการณ์ที่มีของตัวเองเป็นคนในเจน Y ซึ่งก็จะใกล้ชิดกับคนเจน Z แล้วก็เพิ่งมีลูกที่อยู่ในเจนอัลฟา และที่สำคัญดิฉันก็ยังคอนเน็คกับคุณพ่อที่เป็นเบบี้ บูมเมอร์ แบบทันสมัย
“ดิฉันอยากใช้ประสบการณ์ตรงนี้ที่มีมาอยากจะเข้ามาร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อพัฒนาโอกาสให้เด็กๆ ให้คนรุ่นใหม่ได้มีความหวัง มีความฝัน แล้วก็ทำความฝันของเขาให้เป็นจริงขึ้นมา”
หากถามว่า ควรปฏิรูปอะไร ก่อนอื่นเลยคิดว่า มี 3 เรื่องหลักๆ เรื่องแรกเลย เราจะต้องปฏิรูปการศึกษา อย่างสมมติเศรษฐกิจของประเทศไทยเรา ถึงจะดีกว่าหลายๆ ประเทศ แต่ถ้าพูดถึงการศึกษาแล้ว การบริหารจัดการของเรายังด้อยกว่าประเทศอื่นมาก เพราะการเข้าถึงเทคโนโลยีของเรายังน้อย
สอง คือ การปฏิรูปเทคโนโลยี เราจะต้องมีการเข้าถึงเทคโนโลยีให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะการเขียนโปรแกรมสำคัญมาก เราจะชอบหรือไม่ชอบมันเป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เคยคุยกับคุณพ่อท่านบอกเลยว่า เด็กอายุ 10 ขวบจะต้องเรียนรู้การเขียนโปรแกรมได้แล้ว เริ่มได้แล้ว ที่ต้องเรียนรู้การเขียนโปรแกรม ดิฉันก็ถามคุณพ่อทันทีว่า อ้าว แล้วลูกล่ะ เลย 10 ขวบมาไกลมากแล้ว คุณพ่อบอกว่า ไม่มีอะไรที่จะช้าเกินไป เราสามารถเริ่มกันได้ เพราะมันเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตเราอย่างมากค่ะ
สิ่งที่สำคัญของเราเทคโนโลยีต่างๆ เราจะต้องรู้ว่า เทคโนโลยีนั้น คนไทยยังเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ตเลย ในชุมชนต่างๆ ก็ยังเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ตได้มากพอ เหตุการณ์โควิดที่ผ่านมา เราจะรู้ได้ว่า หลายๆ ท่านอาจจะมีลูกเล็ก มีใครที่ Learn Form Home กัน เราเห็นแล้วว่า มันไม่ work เพราะว่าการ Learn Form Home เรายังไม่มีทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ที่สมบูรณ์แบบ อีกอย่าง คือ ผู้เรียนและผู้สอนเองก็ไม่ได้มีเครื่องมือเพียงพอที่จะทำให้การเรียนการสอนประสบความสำเร็จได้ดี รัฐจะต้องให้ประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากกว่านี้ จะต้องลงทุนในเรื่องของเทคโนโลยีมากกว่านี้
สาม เราจะต้องส่งเสริมซอฟท์พาวเวอร์อย่างจริงจัง เหมือนเกาหลี เหมือนบราซิล เหมือนที่ญี่ปุ่นที่เขาส่งเสริมเรื่องซอฟท์พาวเวอร์ ไม่ว่าจะเป็นทางวัฒนธรรมตั้งแต่ดั้งเดิมมา หรือวัฒนธรรมประยุกต์ ซอฟท์พาวเวอร์นั้นมีอะไรบ้าง สิ่งสำคัญของซอฟท์พาวเวอร์ที่เราจะต้องสนับสนุนเลย คือ เสรีภาพทางความคิด ดังนั้นผู้นำของประเทศจะต้องมีหัวใจประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ซอฟท์พาวเวอร์ในอีกด้านหนึ่งของเยาวชนคนรุ่นใหม่ก็ต้องมีทั้งเรื่องการกีฬา การออกแบบ การเขียนโปรแกรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเกม โปรแกรมบล็อกเชน บิตคอยน์ สิ่งเหล่านี้จะต้องส่งเสริมให้เขาใช้ศักยภาพของเขาให้เต็มที่ นอกจากนั้นเรายังต้องสร้างมายด์เซ็ทให้คนรุ่นใหม่รู้ว่า โลกทั้งใบคือโอกาสของเขาค่ะ แล้วนี่ก็เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยค่ะ
“ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องก้าวไปข้างหน้า เพราะเทคโนโลยีก้าวเร็วไปกว่าเรามาก แล้วเรายังมีศักยภาพมีคนรุ่นใหม่อีกเยอะที่เขายังไม่ได้แสดงศักยภาพของเขาอย่างเต็มที่ เรามาช่วยผลักดันให้โอกาสเขากันเถอะ ทุกวันนี้เราต้องให้โอกาสเขาเพราะเขาเป็นอนาคตของเรา และเราต้องการให้ประเทศของเราเจริญก้าวหน้าต่อไป”
แนวคิดเหล่านี้จะพัฒนาให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง เป็นพรรคของประชาชนทุกรุ่นทุกวัย ทุกฐานะทางสังคม และทุกภาคส่วน ไม่ว่าคนไทยจะคิดต่างกันอย่างไร เราทุกคนแล้วเป็นคนไทยด้วยกันและอยากเห็นประเทศของเราเจริญก้าวหน้า
“ขอขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งที่ให้การสนับสนุน ดิฉันจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ในฐานะที่ปรึกษา แม้จะไม่ใช่นักการเมืองแต่ก็ขอมุ่งมั่นตั้งใจทำงานด้วยใจจริงในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ในฐานะลูกของคุณพ่อที่ไม่เคยลืมบุญคุณแผ่นดินไทย ไม่เคยลืมพี่น้องคนไทย ที่ไม่เคยลืมท่านและท่านก็ปรารถนาอย่างมากค่ะที่จะได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง กลับมากราบผู้มีพระคุณอีกครั้ง”
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง หนุ่มศรีสะเกษแชร์ภาพคล้าย ร.10 ได้ประกันด้วยหลักทรัพย์ 2 แสนบาท