Credit  : ihafta_go

สรุปบทเรียนของกลุ่มทะลุฟ้าที่เดินหน้าสู้แบบทะลุเพดาน แต่กลับไปไม่ถึงฝัน นักศึกษากลุ่มนี้เจออุปสรรคมากมาย ทั้งถูกสลายการชุมนุม การถูกคุกคาม คุมขัง ถึงตอนนี้ยังมีนักต่อสู้ทางการเมืองหลายคนยังอยู่ในเรือนจำ เพื่อหวังจะได้รับการปล่อยตัว 

มิ้น ทะลุฟ้า เรื่องและภาพ

คุณเคยมีความฝันไหม? แล้วความฝันของคุณเป็นแบบไหนกัน? ความฝันที่จะมีอนาคตที่มั่นคง? ความฝันเหล่านี้ต้องใช้ความทะเยอทะยานอย่างมือใครยาวสาวเอาอย่างนั้นหรือเปล่า การมุ่งมั่นตั้งใจเรียนหวังว่าจะได้ทำงานในอาชีพที่ฝันใช่ไหม หรือแม้แต่ฝันที่จะมีบ้านสักหลัง มีรถสักคัน มีครอบครัวที่อบอุ่นใช่หรือไม่ 

และแน่นอนว่า ทุกคนย่อมมีความฝันที่ตัวเองพึงปรารถนา 

แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้ทำตามความฝันที่พวกเขามี 

นั่นเป็นที่มาของเป้าหมายของกลุ่มทะลุฟ้า คือ การพยายามเรียกร้องต่อผู้มีอำนาจรัฐเพื่อให้ทุกคนมีโอกาสได้ทำตามความฝันอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อให้ไปถึงสิ่งที่ใฝ่ฝัน

การที่จะทำให้ทุกคนมีโอกาสไปให้ถึงฝัน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าที่รัฐบาลต้องดูแลชีวิตของประชาชนตั้งแต่ครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน 

ทุกคนควรมีโอกาสได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ การรักษาพยาบาลที่สามารถเข้ารับการรักษาที่เข้าถึงได้ มีขนส่งสาธารณะฟรีในหลากหลายเมือง สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้ชีวิตของแรงงานหรือคนทำงานมีเงินเดือนเป็นเงินเก็บสะสม 

แต่ปัจจุบันประชาชนชาวไทยน้อยนักที่จะมีเงินเก็บ ปัญหาความเหลื่อมล้ำเพิ่มทวีคูณ เนื่องจากพิษเศรษฐกิจที่รัฐบาลประยุทธ์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ คนที่รวยอยู่แล้วก็รวยขึ้น ส่วนคนที่จนก็ยิ่งจนลงทุกวัน แค่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็แทบจะไม่พอกิน การที่พวกเรามีความฝันที่จะทำให้ทุกคนมีชีวิตที่ดี ไม่ใช่แค่เพื่อชีวิตของพวกเราเอง แต่เพื่อชีวิตของประชาชนทุกคน

บรรยากาศการเดินทะลุฟ้าจากโคราชถึงกรุงเทพฯ ที่เริ่มเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานคร ขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนได้สกัดปิดถนนเส้นวิภาวดีอ้างรถติดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2564

ภาพขณะเดินทะลุฟ้าขณะเจอเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนสกัดปิดถนนเส้นวิภาวดีอ้างรถติดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2564

การเดินทางของกลุ่มทะลุฟ้า เริ่มต้นจากการเดินทะลุฟ้า ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 โดยมีเครือข่าย PEOPLE GO NETWORKS กลุ่มราษฎร และกลุ่ม UNME OF ANARCHY เริ่มจากภูมิภาคโคราชถึงกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นศูนย์ใจกลางมหาอำนาจที่เป็นปัญหาใหญ่ในประเทศ ในระยะทาง 247.5 กิโลเมตร รวมเดินเพื่อเรียกร้อง 3 ข้อ ประยุทธ์ออกไป เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ รวมถึงข้อเรียกร้องพิเศษ คือ “ปล่อยเพื่อนเรา” 

ทุกย่างก้าวริมถนนตามเส้นทางถนนมิตรภาพที่ร่วมกันเดินผ่านชุมชน ตลาด ใจกลางเมือง ระหว่างที่รถสัญจรไปมา นอกจากจะได้บอกเล่าปัญหาแล้ว เรายังได้เก็บเกี่ยวประเด็นปัญหาของพี่น้องประชาชน ได้เรียนรู้ประสบการณ์ในการทำงานเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักกิจกรรมจากรุ่นสู่รุ่นอีกด้วย 

เราเริ่มเปิดเพลงปลุกใจกันตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ อาบน้ำ แต่งตัว วอร์มร่างกายก่อนออกไปเดินในช่วงเช้าไปจนถึงเย็น ระยะทางต่อวันเฉลี่ยรวม 15 กิโลเมตรต่อวัน ตกเย็นเราก็ตั้งเวทีเสวนาเพื่อให้ความรู้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทำอย่างนั้นซ้ำๆ ทุกวัน ทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมาย หากเกิดข้อผิดพลาดเราก็ร่วมกันถอดบทเรียน ปรับปรุงและแก้ไขมันให้เป็นเรื่องปกติประจำวัน 

การเดินทะลุฟ้าไม่ได้ผ่านไปได้อย่างเรียบง่าย แต่ต้องเจออุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศแดดจ้า ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงช่วงบ่าย ผิวถนนที่อันตราย พื้นที่หลับนอนที่ต้องกางเต้นท์บ้าง นอนตามศาลาวัดบ้าง และยังต้องเผชิญกับเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่นั้นๆ อีกด้วย 

ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีที่เราได้เรียนรู้ พี่น้องประชาชนก็ไม่ได้นิ่งเฉยต่อประเด็นปัญหา แต่ยังสนับสนุนซึ่งกันและกัน เราได้รับกำลังใจจากเด็กเล็ก เยาวชน ผู้ใหญ่วัยกลางคนไปจนถึงผู้สูงอายุที่ร่วมกันปรบมือ เสียงบีบแตร ชูสามนิ้วให้กำลังใจอยู่เสมอจากริมทางบ้าง  

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า บางที เราก็ได้รับการตอบรับที่ไม่น่าพึงพอใจ มีคนที่เห็นต่างเอาน้ำมาสาดบ้าง ซึ่งเราเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกอยู่แล้ว หากแต่เราจะไม่ไปลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เราหรือหลายคนอาจจะถูกกดขี่มาเป็นเวลานาน จนดวงตาพร่ามัวหรือหลงลืมไปว่าอะไรผิด อะไรถูก เราจะไม่ยอมเปิดตามองความเป็นจริงจนต้องทนหลับหูตาต่อสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงไปทุนวันได้จริงๆ หรือ ลองยอมเปิดหูเปิดตาดูสักครั้ง เพื่อจะรับฟังความเห็นที่แตกต่าง ให้เราได้รับรู้ความอยุติธรรมในสังคมแล้ว เราอาจจะไม่ยอมทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไปอย่างแน่นอน 

และแล้วเราก็เดินทะลุฟ้าใช้เวลากว่า 21 วัน ไปทะลุถึงใจกลางเมืองหลวงได้ในที่สุด แต่การต่อสู้ของเราก็ยังไม่อาจสิ้นสุดได้ ในเมื่อผู้มีอำนาจยังเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของประชาชน

บรรยากาศการปักหลุมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หลังจากเดินถึงจุดหมาย เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2564

การเดินทะลุฟ้า V.2 ด้วยการเดินไปสร้างหมู่บ้านทะลุฟ้าจึงเกิดขึ้น ในข้อเรียกร้องเดิม ณ ข้างทำเนียบรัฐบาล การเริ่มตั้งหมู่บ้าน เราจึงกินนอนอยู่ตรงนั้น ตกเย็นตั้งเวทีเสวนา ปราศรัย 

แต่การปักหลักชุมนุมเรียกร้องจบลงเพียงแค่ 15 วัน เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่รัฐเข้าสลายการชุมนุมในช่วงเช้ามืดวันที่ 28 มีนาคม 2564 โดยอ้างเหตุผล พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 

ในช่วงบ่ายมีการจัดกิจกรรมทวงคืนหมู่บ้านทะลุฟ้า พร้อมเรียกร้องปล่อยผู้ชุมนุมทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ก่อนถูกเจ้าหน้าที่รัฐเข้าสลายการชุมนุม เข้าจับกุมผู้ร่วมการชุมนุมอีกครั้ง ถือเป็นการสลายการชุมนุม 2 ครั้งติดต่อกัน และมีผู้ถูกจับกุมราว 99 คน ในวันนั้นวันเดียว 

การจับกุมซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหวังหยุดกระบวนการเคลื่อนไหวของประชาชน แต่ประชาชนก็ยังสู้อยู่ไม่ถอย การเคลื่อนไหวในเมืองกรุงฯ อาจจะดูบอบซ้ำจนเกินไปและข้อเรียกร้องก็ยังไม่ได้สำเร็จตามที่ใฝ่ฝัน บ้างก็มีอาการอกหักทางการเมืองบางครั้งบางคราว 

บรรยากาศเสวนาระหว่างการเดินทะลุฟ้า เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2564

จนในที่สุดพวกเราต้องตัดสินใจเดินทางกลับอีสาน แล้วเริ่มจัดกิจกรรมยืนทะลุฟ้า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 และการตั้งเพจทะลุฟ้า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 

ระหว่างทำกิจกรรมยืนทะลุฟ้า DAY3 หน้ารั้วมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งกลุ่มทะลุฟ้าในครั้งนี้ คือ การรวมตัวกันระหว่างกลุ่ม UNME of Anarchy ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น และกลุ่มไทอิสระ ที่ตั้งหลักปักฐานทำกิจกรรมในกรุงเทพมหานคร การยืนทะลุฟ้าเป็นการยืนยันว่า เราจะยืนชูสามนิ้วบีบแตรไล่ประยุทธ์ จำนวน 1 ชั่วโมง 12 นาที มีการปราศรัยตลอดช่วงไฟจราจรขึ้นสีแดงและระหว่างผู้คนที่สัญจรไปมาบนท้องถนนเพื่อวิพากวิจารย์การจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลที่ไม่เป็นธรรมและร่วมไล่รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมระยะเวลา 31 วัน

บรรยากาศการยืนทะลุฟ้า หน้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2564 โดยมี พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน เข้าร่วมทำกิจกรรมด้วย 

ก่อนรวมตัวกันขึ้นรถจากขอนแก่นมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพมหานครอีกครั้ง ในการทำกิจกรรมราษฎรยืนยันดันเพดาน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ซึ่งเป็นวันครบรอบการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบปกครองสมบูรณาญาสิทธิราชสู่ระบอบการปกครองประชาธิปไตย 

แม้จะผ่านมาแล้ว 89 ปี แต่ประเทศไทยก็ยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มใบได้จริงๆ เสียที 

การจัดกิจกรรมของกลุ่มทะลุฟ้าเริ่มทำในกรุงเทพฯ เรื่อยมาจนถึงช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ด้วยการทำกิจกรรมหล่อเทียนทำบุญประเทศ และช่วงต้นเดือนสิงหาคมทำกิจกรรมไล่ล่าทรราชตลอดทั้งเดือนสิงหาคม 

ก่อนจะมีการสลายการชุมนุมซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเจ้าหน้าที่รัฐ และเพื่อนนักต่อสู้ทางการเมืองก็ถูกเจ้าหน้าที่รัฐจับกุมคุมขังแบบสลับการเข้าไม่เว้นแต่ล่ะวัน การต่อสู้ของกลุ่มทะลุฟ้าก็ยังดำเนินต่อไป แม้ว่าเพื่อนหลายคนยังอยู่ในเรือนจำ นักกิจกรรมบางส่วนที่เดินทางมาจากภูมิภาคก็ต้องอยู่ในกรุงเทพฯ นานกว่า 4 เดือนแล้ว

ความฝันเหล่านี้ที่ต้องใฝ่ฝันกันต่อไปก็ต้องแลกด้วยการต่อสู้ที่ไม่พ้นการถูกดำเนินคดีทางการเมือง การถูกจับกุมคุมขัง ถูกเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นด่านหน้าให้กับชนชั้นนำพยายามสร้างความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ต้องถูกคุมขังทั้งที่ยังไม่ถูกศาลพิพากษาจนถึงที่สุด แต่กลับติดคุกมานานกว่า 4 เดือนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา อานนท์ นำภา พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ,ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก อาทิตย์ ทวี หรือ อาทิตย์ ทะลุฟ้า และประชาชนคนอื่นๆ หลายคนที่ถูกคุมขังในขณะนี้ 

พวกเขาเป็นใครในสมการการต่อสู้เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย

พวกเขาคงถูกนิยามว่า เป็นนักสู้ของประชาชน แต่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าพวกเขา คือ คนในครอบครัวของใครสักคนเช่นเดียวกัน ตราบใดที่การต่อสู้ยังไม่จบลงและประชาชนยังไม่สามารถเอาชนะผู้มีอำนาจ

มีอะไรเป็นหลักประกันว่า พวกเขาเหล่านี้จะไม่ถูกขังลืม กลืนหายไปตามกาลเวลา..

อ่านเรื่องราวเพิ่มเติม ขอเผด็จการทั้งหลายจงพ่ายแพ้แก่ความรัก

หมายเหตุ: The Isaan Record ยินดีรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยความคิดเห็นที่แสดงบนเว็บไซต์ The Isaan Record ถือเป็นมุมมองของผู้เขียน ซึ่งไม่ได้เป็นมุมมองหรือความคิดเห็นของกองบรรณาธิการและเครือข่าย

image_pdfimage_print