ไม่มีใครอยากมีความทรงจำในเรือนจำ เพราะมันมีแต่ความเจ็บปวด โดยเฉพาะคนที่ถูกกล่าวหาในสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่า “เป็นผู้บริสุทธิ์” 

การชุมนุมทางการเมืองของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 นำมาซึ่งบาดแผล คราบน้ำตาและการเสียชีวิตมากกว่า 94 คน และอีกกว่าพันคนถูกไล่ล่า ถูกจำคุกและได้รับผลกระทบ 

Side Story จึงร่วมกับ The Isaan Record ผลิตสารคดีสั้นเกี่ยวกับบาดแผลของคนเสื้อแดงที่ต่อสู้เมื่อปี 2553 หลังเรือนจำเพื่อบันทึกการต่อสู้ความเจ็บปวดของผู้คนไว้เตือนความทรงจำ 

เรือนจำเปลี่ยนชีวิต ‘แดงอุบล’ ของ ลิขิต สุทธิพันธ์ คำสัมภาษณ์ของ  ‘ลิขิต  สุทธิพันธ์’  คนเสื้อแดงอุบล อดีตผู้ต้องขังคดีเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี  มาบอกเล่าเรื่องราวชีวิตภายในเรือนจำเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาภายนอกเรือนจำอย่างไรบ้าง และผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากพ้นโทษ โดยจนถึงตอนนี้เขาก็ยังยืนยันว่า “ไม่ได้เผาศาลากลาง”

ในคดีเผาศาลากลางอุบล ของ ชัชวาลย์ ศรีจันดา

เปิดบ้านของ  ‘ชัชวาลย์ ศรีจันดา’ คนเสื้อแดงอุบล อดีตผู้ต้องขังคดีเดียวกัน  ครั้งหนึ่งเขาคือผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ก่อการร้าย แล้วถูกพิพากษาว่า เป็นหนึ่งในผู้ร่วมเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีเช่นเดียวกัน เขายืนยันชัดเจนจนถึงวัว่า “หากหนังสติ๊กคืออาวุธ ผมก็เป็นผู้ก่อการร้าย”

ผมเปิดบัญชี ทำธุรกรรมอะไรไม่ได้เล

‘ลิขิต  สุทธิพันธ์’  เล่าให้ฟังว่า หลังจากพ้นโทษออกมาแล้วบัตรประชาชนของเขาไม่สามารถทำธุรกรรมกับธนาคารได้เลยทั้งการเปิดบัญชี ทำบัตรเครดิต รวมถึงการทำสัญญาซื้อกู้ยืมจากแหล่งเงินกู้อื่น ๆ ก็ไม่สามารถทำได้ ส่วนถ้าเขาจะซื้อรถหรือมอเตอร์ไซด์ก็ใช้ชื่อตัวเองไม่ได้ ต้องใช้ชื่อคนอื่น มันก็มีความเสี่ยงเพราะเราไม่สามารถมีทรัพย์สินในชื่อตัวเองได้

เขากล่าวหาว่า หนังสติ๊กเป็นอาวุธสงคราม

ส่วน ‘ชัชวาลย์ ศรีจันดา’’ เล่าให้ฟังในช่วงถูกดำเนินคดีหลังเหตุการณ์เผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีว่า เขากล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้ายเพราะมีอาวุธ ส่วนตัวก็ตกใจเพราะว่าที่บ้านไม่มีปืน ไม่มีอาวุธใด ๆ มีแต่ หนังสติ๊ก ก็เลยเข้าใจว่า หนังสติ๊กถือเป็นอาวุธสงครามในสายตาของรัฐ

ขณะเดียวกันช่วงที่ถูกตัดสินลงโทษแล้วต้องถูกคุมขังในเรือนจำก็ถูกกลั่นแกล้งเพราะถูกมองว่าเป็นคนสติไม่ดี เขาจำได้ชัดเจนคือ เหตุการณ์ที่ผลักหลังให้ตกบันไดขณะเดินลงจากห้องขังไปด้านล่าง แม้จะไม่มีใครยอมรับและเขาเองก็ไม่เห็นหน้าว่า ใครเป็นคนผลัก แต่เขารู้สึกได้ว่าถูกผลักหลัง แม้คนบริเวณนั้นจะหัวเราะแล้วบอกว่า เขาสติไม่ดีเดินตกบันไดเอง ผู้ต้องขังบางคนก็บอกว่า เขาแกล้งทำให้ตกบันไดเพื่อจะได้ไปนอนพักรักษาตัว

ศาลชั้นต้น ศาลชั้นอุทธรณ์ยกฟ้องผม เหลืออีกแค่ศาลชั้นเดียว

‘ชัชวาลย์ ศรีจันดา’ เล่าให้ฟังต่อว่า คดีของเขานั้นสองศาลแรกยกฟ้อง แต่สุดท้ายศาลฎีกาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต แล้วก็ได้รับการลดโทษปล่อยตัวออกมา  ความรู้สึกแรกที่รู้ว่า จะออกไปใช้ชีวิตแล้ว คิดว่า จะมีคนเสื้อแดง แกนนำออกมาต้อนรับ ร้องเพลง ส่งเสียงให้กำลังใจ  แต่ภาพจริงที่เห็นคือ มีเพียงพี่สาวคนเดียวที่มายืนรอรับกลับบ้าน

ส่วน  ‘ลิขิต  สุทธิพันธ์’ กล่างถึงความรู้สึกในวันที่ศาลฎีกาพิพากษาว่ามีความผิดจริงรับโทษ จากเดิม 2 ปี เป็น 33 ปี 4 เดือนว่า เขาเป็นจำเลยที่ 4 ของคดีนี้ ตอนอยู่ที่ศาลแล้วศาลอ่านคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 2 3 มีความผิดจริงตามฟ้อง เขาก็รู้สึกตกใจและเสียใจเพราะคิดว่า อย่างไรก็คงไม่รอดแน่ๆ  ที่ตกใจก็เพราะว่า เขาไม่คาดคิดว่าจะมีความผิดจริง เหตุเพราะ

“จำเลยที่ 2  อรอนงค์ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่ใช้คำพูดเท่านั้นเอง ก็หาว่าเขาเป็นแกนนำใหญ่ โดยที่ว่าเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มของเสื้อแดงเลย ส่วนผมก็ไม่ได้เข้าไปในรั้วศาลากลางด้วยซ้ำ ยืนอยู่ข้างนอก ข้าง ๆ วัด รูปที่เห็นผมก็ยืนอยู่ตรงนี้”

มันเกินไป เจ็บปวด เจ็บปวดที่สุด

‘ลิขิต  สุทธิพันธ์’ ยังคงยืนยันคำเดิมตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา แม้จะขัดแย้งกับคำพิพากษาว่า เขาไม่ได้เผาศาลากลางเพียงแต่ยืนดูเหตุการณ์ในวันนั้น แล้วการที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายนั้นยิ่งเศร้ากว่าเพราะบ้านเขาไม่มีอาวุธที่จะก่อให้เกิดอันตรายใดๆ

“เดือนเมษายน ปี 2553 ผมอยู่ที่แยกคอกวัว เห็นเพื่อนถูกกระสุนยิงทะลุหัวเสียชีวิต พอเดือนพฤษภาคม เริ่มมีข่าวว่าจะใช้กระสุนจริง ผมก็กลับมาที่บ้านที่อุบลฯ แล้ววันเผาศาลาผมก็มาซื้อของ แล้วเห็นเหตุการณ์ เลยมายืนดู แต่วันนี้ผมคือ ผู้ก่อการร้าย ถูกพิพากษาว่ามีความผิดจริง”

จนถึงวันนี้ คือ ผู้ถูกกระทำ

ท้ายที่สุดลิจิตได้ฉายภาพให้เห็นว่า คนเสื้อแดงอย่างเขากำลังรู้สึกว่า ถูกกระทำและเป็นการกระทำฝ่ายเดียว ไม่สามารถตอบโต้ใดๆ ได้ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ทำได้มากที่สุดคือการให้สัมภาษณ์เหมือนที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้

“พวกเราโดนกระทำ แต่ว่าโดนกระทำฝ่ายเดียว เราไม่มีอาวุธที่จะสู้เขา นั่งดูคนที่โดนยิง แล้วจนถึงวันนีก็ยังเจ็บปวดไม่สามารถทำงานได้เพราะถูกพิพากษามีประวัติอาชญากรรม”

“อยากจะให้ประชาชน..เอาทั่วโลกเลย ให้เขารู้ไปว่า ถ้าไม่มีประชาชนอยู่ในประเทศ ทหาร ตำรวจ ครูจะอยู่อย่างไร ไม่ใช่ใช้แต่อำนาจ แต่ต้องใช้ให้ถูก ไม่งั้นก็ลำบาก จะเดือดร้อนทั้งพวกคุณด้วยพวกผมด้วย”   

ดูวิดีโอได้ที่นี่

image_pdfimage_print