พ่อ…ผมอยากกลับบ้าน
“พ่อ ผมอยากกลับบ้าน” น้ำเสียงสะอื้นจากปลายสาย พูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะตอบกลับ แม้ไม่เห็นแววตาจากอีกฝั่ง ก็สามารถจินตนาการและสัมผัสห้วงอารมณ์อันอ่อนไหวได้
1
ผมเพิ่งเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ในจังหวัดพัทลุง ได้ห้องเช่าในเมือง ฝั่งขวาติดกับร้านขายอาหารเช้า ฝั่งซ้ายติดกับบ้านไม้อีกหลังซึ่งเก่าและโทรมกว่าบ้านที่ผมเช่ามากนัก ที่ร้านผมเน้นกาแฟดริปเป็นหลัก และมีชั้นหนังสือมือสองที่ขายหนังสือที่ผมซื้อเก็บไว้ บางเล่มอ่านแล้ว บางเล่มยังไม่ได้อ่าน และบางเล่มไม่คิดจะอ่าน แต่ก็ไม่รู้ว่าซื้อมาทำไมเหมือนกัน
ผมตั้งชื่อร้านว่า Proletarian Cafe ซึ่งแปลว่า ร้านกาแฟของชนชั้นกรรมาชีพ เพราะสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ผมมีเพื่อนที่ศึกษาแนวคิดของ คาร์ล มาร์กซ์ มีเพื่อนที่ศึกษาแนวคิดอนาคิสต์ มีเพื่อนที่ศึกษาการต่อสู้ของชนชั้นแรงงาน ผมจึงซึมซับมาโดยไม่รู้ตัว และสถาปนาตนเองว่าเป็นฝ่ายซ้ายนับแต่นั้น
ผมเพิ่งคิดเมนูซิกเนอร์เจอร์ประจำร้านขึ้นมาใหม่ หลังจากที่สั่งเสื้อยืดผ้าบางจากลาซาด้า สกรีนรูปถังน้ำมันสีแดง มีร่างของคนถูกตรึงแขนไว้ ร่างกายจมอยู่ในถัง ใต้ถังมีหัวกะโหลกมากมาย ข้างหลังถังเป็นรั้วลวดหนามและเปลวไฟ เสื้อสกรีนถ้อยคำว่า “รำลึกถึงแดงเมืองลุง กับ ถีบลงเขาเผาลงถัง” เป็นเหตุการณ์ถังแดงที่เกิดขึ้นในจังหวัดบ้านเกิดผมนี่เอง และเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยมีในแบบเรียนของประเทศไทย
ผมตั้งชื่อเมนูใหม่ว่า ‘Red Barrel Killings’ เริ่มจากใส่น้ำแข็งหลอดใหญ่ในแก้ว เทน้ำทับทิมลงไปครึ่งแก้ว สกัดช็อตกาแฟเอสเปรสโซจากหม้อต้มโมก้าพอท แล้วราดลงไป เสิร์ฟแบบแยกชั้น
ผมถ่ายรูปเมนูใหม่ คู่กับเสื้อยืดสกรีนลายถังแดงที่เพิ่งมาถึง ก่อนจะโพสต์ลงในแฟนเพจของร้าน
“Signature Menu
Red Barrel Killings (ถังแดงเมืองลุง)
น้ำทับทิม + ช็อตกาแฟเอสเปรสโซ
น้ำทับทิม = ถังน้ำมันสีแดงและเลือด
กาแฟ = ควันไฟ เถ้าถ่าน และร่างกายที่ไหม้ดำ
ดื่มเพื่อรำลึก ดื่มเพื่อจดจำ ความรุนแรงของรัฐ ในโศกนาฏกรรมแห่งจังหวัด
#Proletarian Cafe”
หลังเขียนแคปชั่นเสร็จ ผมปรับแต่งแสงตรงถังน้ำมันสีแดงให้สีเข้มกว่าเดิม แล้วกดโพสต์
ร้านผมปิดตอนห้าโมงเย็น ซึ่งทุกครั้งที่ผมปิดประตูร้าน ยายแก่ๆ ที่อยู่บ้านไม้ฝั่งซ้าย จะยกถังน้ำมันสีน้ำตาลอมแดงออกมาหน้าบ้าน แล้วนั่งเผาขยะ ส่วนใหญ่เป็นกระดาษ ควันไฟลอยสู่ผืนฟ้าย่ำเย็น ขณะที่ยายกำลังเขี่ยไฟให้ลุกไหม้ทั่วถังขยะนั้น พี่เชน ลูกชายเจ้าของร้านอาหารเช้า ซึ่งมักจะมาสั่งกาแฟ ดริปที่ร้านผมทุกเช้า เดินมาบอกผมว่ายายแกเผาขยะทุกวัน แม้จะเคยโดนเตือนจากตำรวจแล้ว แต่แกก็ยังเผาอยู่
“แม่พี่เคยบอกว่าผัวแกเป็นคอมฯ ถูกเผาลงถังแดง หลังจากนั้นแกก็เป็นม่าย” พี่เชนจุดบุหรี่สูบแล้วเล่าต่อ
“พี่เคยเห็นแกเขียนคำว่า ตำรวจ ทหาร ใส่กระดาษ แล้วก็จุดไฟเผา ไม่รู้ทำไปทำไมเหมือนกัน”
“แกอาจจะคุ้ยหากระดูกของผัวแกในถังก็ได้นะ สีก็คล้ายกัน” พี่เชนหัวเราะ ส่วนผมเงียบนิ่ง
นับแต่นั้นเวลาที่ยายแก่เผาขยะ ผมจะทำทีรดน้ำต้นไม้หน้าร้าน เพียงเพื่อจะดูถ้อยคำที่เขียนในกระดาษ แต่กระดาษส่วนใหญ่ล้วนถูกขยำแล้ว และแม้ผมจะชวนแกคุย แต่แกก็เงียบ ราวกับมีหน้าที่แค่เผาขยะในถังน้ำมันสีน้ำตาลอมแดงถังนั้น
2
ข้าเพิ่งกลับจากงานศพของสหายมีนา เพื่อนเก่าของข้าซึ่งเคยเข้าป่าสมัยเป็นคอมมิวนิสต์ ขากลับแวะเข้าเมือง เจอร้านกาแฟห้องแถวไม้ ชื่อร้านว่าคาเฟ่ของชนชั้นกรรมาชีพ ลองแวะดูสักหน่อยก็แล้วกัน ข้าล่ะอยากจะรู้นักว่าพวกที่ชอบอ้างชนชั้นแรงงาน หรือฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ ใครมันจะจริงเท่าเขาที่เคยเข้าป่า
ในร้านกาแฟหอมใช้ได้ บาริสต้ายังหนุ่มยังแน่น ไว้หนวดไว้เครา ใส่หมวกดาวแดงเหมือนเช เสียด้วย ข้ากวาดตามองหนังสือบนชั้น ถ้าเป็นสมัยข้านะ หนังสือพวกนี้ไม่ได้วางโชว์บนชั้นหรอก โน่น ใส่ตุ่มฝังดิน ไม่ก็เผาทิ้ง บางเล่มก็ยังอยู่ใต้ผืนดินในสวนหลังบ้านข้า จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ไปขุด
ไหนดูเมนูซิ มีอะไรกินบ้าง โอ้โห! มีเมนูถังแดงด้วยโว้ย สมัยที่ข้าอยู่ป่ามีแค่โอวัลตินกับหางนมข้นที่ละลายในโอ่งใบใหญ่ ไม่มีหรอกกาแฟดงกาแฟดริป ไหนสั่งมาสักแก้วซิ อากาศแม่งก็ร้อนชิบหาย ร้อนๆ แบบนี้เดี๋ยวข้าก็กลับเข้าคอมฯ อีกรอบให้หายอยากเสียหรอก*
น้ำทับทิมผสมกาแฟนี่เอง แหม ตั้งชื่อเมนูซะสวยหรูเลยนะไอ้หนุ่ม แถมยังมีหน้ามาบอกข้า ว่าเมนูนี้สำหรับรำลึกและจดจำเหตุการณ์ถังแดง ไม่ต้องไปถามใครหรอก ข้านี่แหละ ตัวจริงเสียงจริง อยู่ในเหตุการณ์ เสื้อยืดถังแดงที่แขวนผนังนั้นก็ด้วย เดี๋ยวนี้พวกข้ากลายเป็นสินค้าไปแล้วเหรอวะ ถ้าพวกเอ็งศึกษาแนวคิดและวิถีการต่อสู้ของพวกข้าสักนิด ประวัติศาสตร์คงไปไกลกว่าอยู่บนเสื้อยืด หรือในแก้วกาแฟ
ข้าเห็นหญิงสาวใส่แว่นวัยรุ่นโต๊ะตรงข้ามนั่งจมหน้าอยู่ในหนังสือนานแล้ว บนโต๊ะกาแฟเย็นละลายหมดแล้วนั่น ไหนขอดูซิอ่านหนังสืออะไร ‘ถังแดง : การซ่อมสร้างประวัติศาสตร์และความทรงจำหลอนในสังคมไทย**’ โอ้โห ถังแดงอีกแล้ว วันนี้มันอะไรกันวะ! ข้าเพิ่งกลับจากเผาศพสหาย มากินกาแฟถังแดง แล้วเจอหนังสือถังแดง คงถึงเวลาที่ข้าต้องประกาศศักดาแล้วล่ะ ว่าข้านี่แหละคือถังแดงตัวจริง จงฟังจากปากข้า ไม่ต้องไปหาอ่านจากที่ไหน เพราะร่างสหายคนรักของข้า ก็ถูกเผาไหม้ในถังแดงนี่แหละ
ข้าเริ่มแนะนำตัวเอง เล่าเรื่องจนไอ้หนุ่มเจ้าของร้านอ้าปากหวอ ส่วนหญิงสาวใส่แว่นก็มานั่งฟัง พยักหน้าบางที ข้าเริ่มเล่าตั้งแต่วันที่เข้าป่า ชีวิตในป่า การต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วสักพักไอ้หนุ่มก็ถามข้าขึ้นมา ถามถึงวิธีเผาศพในถังแดง เอาไงดีวะ ข้าไม่เคยเข้าไปในค่ายทหารเสียด้วยซ้ำ เมียข้าต่างหากที่เข้าไป แล้วไม่ได้กลับออกมา แต่ไม่เป็นไร ข้าเคยได้ยินได้ฟังเขาเล่ามา และในเมื่อข้าเป็นคนเล่าต่อ เรื่องเล่านี้ก็เป็นของข้า
“พอโดนจับเข้าไปในค่าย ถ้าไม่รับสารภาพว่าเป็นคอมฯ จะถูกตีจนสลบ จากนั้นนำร่างไปใส่ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ส่วนใหญ่ถังมันสีแดง เขาเลยเรียกถังแดง ในถังมีตะแกรงด้านล่างเพื่อระบายอากาศ ด้านบนก็มีตะแกรงปิดอีกที เพื่อไม่ให้ร่างกายที่กำลังไหม้กระเด็นกระดอนออกมา จากนั้นราดน้ำมันให้ทั่ว ใช้น้ำมันสัก 20 ลิตรได้ เผาประมาณ 4 ชั่วโมง ระหว่างเผาเจ้าหน้าที่ก็จะสตาร์ทรถจีเอ็มซีหลาย ๆ คันพร้อมกัน เพื่อกลบเสียงร้องโหยหวน ข้าเห็นกับตา ข้านอนหมอบอยู่ในลำคลอง ไม่ไกลจากค่าย หลังจากนั้นทุกคืนจะได้ยินเสียงรถจีเอ็มซีเสียงดังกระหึ่ม สำหรับพวกข้าแล้ว เสียงนั้นคือเสียงแห่งความตาย”
ข้าเล่าจนไอ้หนุ่มและหญิงสาวไม่กะพริบตาเลยล่ะ แหม ทีนี้ข้าก็เป็นสัญลักษณ์ของถังแดง เป็นของจริงที่จับต้องได้ แล้วไอ้หนุ่มก็ถามอีกว่าโครงกระดูกเอาไปไว้ไหน ข้าชักสงสัยว่ามันอ่านหนังสือบ้างหรือเปล่า หนังสือประวัติศาสตร์เต็มร้าน แต่เรื่องถังแดงเห็นถามข้าจัง ประวัติศาสตร์จังหวัดบ้านเกิดมันแท้ๆ แต่ข้าก็ไม่โทษมันหรอก เพราะในแบบเรียนก็ไม่เห็นมีเรื่องแบบนี้ ข้าว่านะ ประวัติศาสตร์บางเรื่องก็ถูกทำให้จำ บางเรื่องก็ถูกทำให้ลืม
ข้าก็เล่าต่อว่าเมื่อเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ก็จะถูกนำไปทิ้งลงแม่น้ำ บางทีตอนชาวบ้านซักผ้า ก็จะเห็นเถ้าและเศษกระดูกลอยมาตามน้ำ ที่ข้าเล่ามามันเกิดขึ้นจริงหมดแหละ เว้นแต่ว่าข้าไม่เคยเข้าไปในค่ายหรอก และไม่เคยเห็นคนเป็นๆ โดนเผา ข้าแค่ได้ยินเสียงกรีดร้อง เพราะถ้าข้าเข้าไป ข้าคงไม่ได้ออกมา
3
ฉันเพิ่งได้ฟังเรื่องเล่าเหตุการณ์ถังแดง จากชายแก่ที่อ้างตัวว่าเคยเป็นคอมฯ เคยเข้าป่า ฉันได้ฟังแล้วก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ฉันคิดว่าทั้งผู้แพ้และผู้ชนะต่างก็เขียนประวัติศาสตร์ของตัวเองเพื่อให้ดูดีและน่าเชื่อถือ เมื่อนำไปเล่าต่อกัน ผู้เล่าก็จะยึดครองและเป็นเจ้าของประวัติศาสตร์ชุดนั้น ฉันก็ฟังหูไว้หู ต่างกับชายหนุ่มหนวดครึ้มเจ้าของร้าน ที่แววตาและปากที่อ้าหวอตลอดเวลานั้น ฉันว่าเขาชื่อที่ชายแก่เล่าในทุกสิ่ง
ฉันว่าชายสองคนนี้น่าจะสลับเครื่องแต่งกายกันนะ ชายหนุ่มใส่หมวกสีเขียวสกรีนรูปดาวสีแดง ใส่เสื้อสกรีนรูปค้อนเคียว กางเกงลายพรางที่ทหารชอบใส่กัน ต่างกับชายแก่ที่ใส่เสื้อยืดห่านคู่สีขาวมอซอ กับกางเกงยีนส์เข่าขาดๆ ถ้าชายแก่ไม่เล่าเรื่องราวออกมา ฉันไม่รู้เลยว่าเขาเคยเข้าป่ามาก่อน ช่างแตกต่างกับเจ้าของร้านที่แต่งตัวเหมือนเพิ่งออกจากป่า แต่ฉันว่าเขาไม่เคยไปไหนได้ไกล นอกจากติดแหง็กอยู่ในร้านนี้
ฉันดีใจนะที่มีร้านกาแฟและร้านหนังสือเล็กๆ มาเปิดในห้องแถวไม่ไกลจากโรงเรียน เพราะหลังเลิกเรียนฉันก็ไม่รู้จะไปไหน ไม่อยากกลับบ้านเร็ว เพื่อนส่วนใหญ่ก็ไปเดินห้างกัน ร้องคาราโอเกะ เล่นตู้เกม ซึ่งฉันเบื่อแล้ว ปีนี้ก็เรียนชั้น ม.6 แล้วด้วย ต้องตั้งใจเรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย
อีกอย่างฉันเพิ่งเริ่มหัดดื่มกาแฟ และฉันชอบกาแฟดริปมาก ฉันชอบกาแฟคั่วอ่อน ชอบรสผลไม้เปรี้ยวที่แฝงอยู่ในความขมของกาแฟ ฉันคิดว่ากาแฟเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตในระดับมหาวิทยาลัย
อาจารย์วิชาสังคมให้ทำรายงานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่เป็นประวัติศาสตร์ไทยที่ไม่มีในแบบเรียน เพื่อนกลุ่มอื่นทำเรื่อง เหตุการณ์ 6 ตุลา, มรณสักขีแห่งสองคอน, การอุ้มหายหยีสุหลง, ย่าโมมีจริงไหม? ส่วนกลุ่มฉันเลือกทำเรื่องเหตุการณ์ถังแดง
จะเรียกว่ากลุ่มก็ไม่ถูก กลุ่มฉันมีสี่คน ซึ่งฉันทำอยู่คนเดียว อีกสามคนจ่ายเงินให้ฉัน แลกกับการมีชื่ออยู่บนหน้าปกรายงาน ซึ่งฉันก็ชินแล้ว เพราะได้ทั้งเงินและได้ทั้งความรู้
ฉันโชคดีที่เจอหนังสือเกี่ยวกับเหตุการณ์ถังแดง ซึ่งฉันตั้งใจจะซื้อกลับไปอ่านให้จบ แต่ระหว่างอ่านก็เจอชายแก่ที่อ้างตัวว่าเคยเป็นคอมมิวนิสต์ และเล่าเรื่องเหตุการณ์ถังแดง ฉันจึงกดอัดเสียงไว้ในโทรศัพท์ ขณะนั่งฟังก็พยักหน้าทำทีท่าว่าเข้าใจ ฉันเห็นรอยยิ้มแสยะของชายแก่ ก็พอเดาออกว่าตรงไหนคือเรื่องจริง ตรงไหนคือเรื่องแต่ง
ฉันคิดว่านอกจากข้อมูลดิบแล้ว ฉันจะใส่บทสัมภาษณ์ของชายแก่คนนั้นลงไปด้วย เติมแต่งว่าฉันได้สัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ถังแดง โดยใช้เรื่องเล่าของชายแก่คนนั้น ผสมกับเรื่องเล่าของฉัน ในเมื่อเราทุกคนต่างมีเรื่องเล่าเป็นของตัวเอง แต่ฉันรู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นจริง เพียงแต่ว่าเป็นความจริงร่วมกัน ไม่ใช่ความจริงส่วนตัวของชายแก่คนนั้น เท่าที่ฟังฉันว่าเรื่องที่เขาเข้าคอมฯ ไปอยู่ป่านั่นเป็นเรื่องจริง เรื่องที่สูญเสียภรรยาในเหตุการณ์เผาลงถังแดงนั้นก็จริง เพราะฉันจับเสียงสะอื้นและแววตารื้นนั่นได้
แต่เรื่องเล่าที่ชายแก่คนนั้นไม่ได้เป็นเจ้าของ คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการเผาศพในถังแดง เพราะชายแก่เล่าด้วยน้ำเสียงแบบเล่นใหญ่ไปหน่อย เหมือนกำลังพากย์หนังสักเรื่อง ฉันคิดว่าเขาคงได้ยินสหายเล่าสู่กันฟัง แล้วเป็นเจ้าของเรื่องเล่านั้นเสียเอง โดยนำมาเล่ากับพวกเรานั่นแหละ
ฉันคิดว่าฉันตั้งชื่อรายงานได้แล้ว ฉันจะตั้งชื่อว่า “ถังแดงเมืองลุง : จากปากคำของสหายเก่าแห่งเทือกเขาบรรทัด”
ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับบ้านไปนั่งพิมพ์รายงานแล้ว ไว้พรุ่งนี้จะแวะมาใหม่ เดี๋ยวจะลองสั่ง Red Barrel Killings ดื่มสักแก้ว น้ำทับทิมหวานเจี๊ยบกับกาแฟขมๆ ผสมกันแล้วจะเป็นยังไงนะ
พรุ่งนี้ฉันจะดื่มฉลองให้กับรายงานที่ทำเสร็จแล้ว และจ่ายเงินค่ากาแฟแก้วนั้น ด้วยค่าจ้างจากสมาชิกในกลุ่มอีกสามคนนั่นแหละ หากต้องจากเมืองนี้ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ฉันคงคิดถึงร้านกาแฟแห่งนี้ และเงินทุกบาททุกสตางค์ที่จ้างฉันทำรายงาน
เชิงอรรถ
* ร้อนๆ แบบนี้เดี๋ยวข้าก็กลับเข้าคอมฯ อีกรอบให้หายอยากเสียหรอก หากพูดเป็นสำเนียงถิ่นใต้ จะพูดว่า “ร้อนๆ พันนี้เข้าคอมฯ สักรอบให้หายอยากดีหวา” แปลว่า อากาศร้อนแบบนี้ กลับเข้าพรรคคอมมิวนิสต์อีกสักรอบก็คงจะดี มักใช้เป็นคำอุทานของผู้ใหญ่ ที่พูดถึงอากาศร้อนๆ แล้วอยากกลับเข้าพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นคำอุทานที่เสียดสีและพูดในเชิงขบขันมากกว่า
** ถังแดง : การซ่อมสร้างประวัติศาสตร์และความทรงจำหลอนในสังคมไทย เขียนโดย จุฬารัตน์ ดำรงวิถีธรรม
ชายคาเรื่องสั้นเป็นกิจกรรมน้ำหมึกโดย ‘คณะเขียน’ ซึ่งเปิดพื้นที่วรรณกรรมมากว่าทศวรรษ ก่อนย้ายตัวเองจากสิ่งพิมพ์มาสู่ออนไลน์ตั้งแต่มกราคม 2022 โดยนักเขียนที่สนใจสามารถส่งประกวดเพื่อคัดเลือกเรื่องสั้นที่ดีที่สุดของแต่ละเดือนมาเผยแพร่บนเว็บไซต์ The Isaan Record อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจชายคาเรื่องสั้น