กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย เรียกร้อง ‘ปิดสวิตช์โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม’ จี้จังหวัดมุกดาหารสั่งยกเลิกใบอนุญาตเข้าใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ ด้านรองผู้ว่าฯ มีคำสั่งด่วนชะลอการดำเนินโครงการพร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

3 สิงหาคม 2566 – นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย ซึ่งเป็นผู้คัดค้านโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม จากหลายหมู่บ้านรอบพื้นที่โครงการ ในท้องที่ ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร กว่า 150 คน เดินทางเข้าไปยังศาลากลางจังหวัดมุกดาหารเพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัด มีคำสั่งยกเลิกใบอนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ เพื่อตั้งโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมของบริษัท ๕๕๕ กรีนเอ็นเนอร์จี้ จำกัด เรียกร้องให้ ‘ปิดสวิตช์โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม’ เพื่อปกป้องที่ดินทำกิน ปกป้องแหล่งอาหาร และปกป้องสิทธิชุมชน

เวลาประมาณ 10.00 น. นักปกป้องสิทธิฯได้รวมตัวที่บริเวณศาลหลังเมืองมุกดาหารเพื่อบอกกล่าวเอาฤกษ์เอาชัยให้ดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีและขอพรให้ได้รับชัยชนะในการต่อสู้ยุติโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมสำเร็จ รวมถึงกล่าวปราศรัยถึงผลกระทบจากการทำโครงการดังกล่าวที่เข้ามาแย่งยึดพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน พื้นที่สาธารณะประโยชน์ส่วนรวมที่ใช้ร่วมกัน พื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชน พื้นที่แหล่งน้ำซับซึ่งเป็นน้ำประปาของหมู่บ้าน และทับซ้อนกับพื้นที่พิพาทที่กำลังแก้ไขเรื่องนโยบายทวงคืนผืนป่า

จากนั้นจึงเริ่มตั้งขบวนเดินเท้าจากบริเวณถนนหน้าศาลหลักเมืองมุกดาหารไปยังศาลากลางจังหวัด เมื่อเดินเท้าไปถึงบริเวณบันไดทางขึ้นอาคาร นายธนิศน์ เสถียรนาม ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร ได้เข้ามาสอบถามถึงวัตถุประสงค์ที่มาในครั้งนี้ นักปกป้องสิทธิฯ จึงแจ้งกลับว่าจะขอพบกับผู้ว่าฯ เรียกร้องให้มีคำสั่งยกเลิกใบอนุญาตเข้าใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ เพื่อดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งนายธนิศน์ได้แจ้งว่าผู้ว่าฯไปราชการที่เวียดนาม 

นักปกป้องสิทธิฯ ยืนยันถึงข้อเรียกร้องเดิม โดยระบุว่าหากผู้ว่าฯ ไม่อยู่ ต้องมีคนรักษาการแทนเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ด้านเจ้าหน้าที่จึงไปหารือกัน จากนั้นจึงมาแจ้งนัดหมายว่ารองผู้ว่าฯ และผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผอ.ทสจ.) จังหวัดมุกดาหาร จะทำการเปิดห้องประชุมเพื่อพูดคุยกับนักป้องสิทธิฯ ในเวลา 13.00 น.

โดยระหว่างที่นักปกป้องสิทธิฯ พักกินข้าวในช่วงเที่ยงก่อนเข้าประชุม ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 4-5 นาย เข้ามาที่บริเวณทำกิจกรรม นำโดย พ.ต.อ.ณรงค์ สิตวงษ์ รองผู้กำกับ (สอบสวน) สภ.เมืองมุกดาหาร รักษาราชการแทนผู้กำกับถามหาชื่อผู้แจ้งชุมนุม พร้อมสั่งให้ยกเลิกการชุมนุมเพราะผิดมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 โทษฐานที่ใช้เสียงรบกวนคนอื่น ซึ่งผู้แจ้งการชุมนุมยืนยันว่าเสียงที่ใช้อยู่ในระดับตามกฎหมายชุมนุมสาธารณะกำหนด ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายหนึ่งก็มาบอก พ.ต.อ.ณรงค์ ว่าผู้กำกับให้ย้ายสถานที่ชุมนุม และย้ายเต็นท์ที่กลุ่มฯ นำมากางเพื่อกันแดดและฝนและเป็นที่พักค้างคืนออกจากถนนบริเวณหน้าศาลากลาง โดยให้ย้ายไปเวทีตรงสนามที่จอดรถ เพราะกีดขวางการจราจร ซึ่งผู้แจ้งชุมนุมยืนยันจะไม่ย้ายไปไหน เพราะกฎหมายชุมนุมสาธารณะก็ไม่มีข้อกำหนดให้ย้าย มีแต่ให้พนักงานดูแลการชุมนุมหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่การชุมนุม เมื่อพูดคุยโต้เถียงกันพักใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางกลับไป

เวลา 13.00 น. นักปกป้องสิทธิฯ ได้เข้าร่วมประชุมกับ นายบุญเรือง เมฆฉิม รองผู้ว่าฯ นายวิมล อึ้งพรหมบัญทิต ผอ.ทสจ.มุกดาหาร และนายชลวิทย์ นามจันทรา นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ณ ห้องประชุมมโนรมย์ ชั้น 5  โดยตัวแทนนักปกป้องสิทธิฯ ได้กล่าวต่อที่ประชุมการมาในครั้งนี้ต้องการที่จะให้จังหวัดมุกดาหารมีคำสั่งยกเลิกใบอนุญาตเข้าใช้เขตป่าสงวนฯ เพื่อตั้งโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมของบริษัท ๕๕๕ กรีนเอ็นเนอร์จี้ จำกัด เนื่องจากกลุ่มนักปกป้องสิทธิฯ เห็นว่าขั้นตอนและกระบวนการขอใบอนุญาตไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น เพราะ

  1. บริษัทได้จัดทำประชาคมเท็จ มีการแนบ 400 รายชื่อประชาชนผู้เห็นชอบในโครงการดังกล่าวทั้งที่ไม่เคยมาทำประชาคมในพื้นที่ ซึ่งผิดเงื่อนไขแนบท้ายมติสภาเทศบาลตำบลคำป่าหลาย เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2565
  2. มีการทำรายงานตรวจสภาพป่าเท็จ เพราะที่ตั้งโครงการทับซ้อนพื้นที่พิพาทที่กำลังอยู่ในระหว่างการแก้ไขปัญหาเรื่องนโยบายทวงคืนผืนป่า
  3. ทับพื้นที่สาธารณะประโยชน์ใช้รวมกันของชุมชน
  4. เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 กรมป่าไม้ได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ขอให้พักใบอนุญาตโครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้า บริษัท เพราะอาจทำผิดเงื่อนไขแนบท้ายการอนุญาต ตาม ข้อ 13 ของใบอนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ

จากการประชุมในเวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้มีข้อเสนอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลละข้อเท็จจริง โดยมีหน่วยงานภาครัฐจังหวัดมุกดาหาร ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย และตัวแทนบริษัท เพื่อที่จะเห็นข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่ด้านนักปกป้องสิทธิฯ ไม่รับข้อเสนอ เนื่องจากคำสั่งของอธิบดีกรมป่าไม้ได้มาจึงจังหวัดมุกดาหารตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แต่ถูกเพิกเฉยมาตลอด ไม่มีการดำเนินการตรวจสอบใดๆ แต่เมื่อชาวบ้านมาร้องเรียนกลับเสนอให้ตั้งคณะกรรมการ ซึ่งจะเป็นการถ่วงเวลาเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทพิพาท นักปกป้องป้องสิทธิฯ จึงขอเวลาเพื่อปรึกษาหารือกันก่อนจะกลับไปเจรจาอีกครั้ง

หลังการหารือ นักปกป้องสิทธิยืนยันไม่รับข้อเสนอในการตั้งคณะกรรมการ โดยให้เหตุผลว่า บริษัทฯ มีการดำเนินการที่ผิดกระบวนการขั้นตอนชัดเจนอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของการปกปิดข้อมูล ขาดการประชาสัมพันธ์โครงการ และการไม่ทำประชาคม ซึ่งผิดเงื่อนไขของมติเทศบาลตำบลคำป่าหลาย ทั้งยังผิดเงื่อนไขท้ายใบอนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ ทั้งข้อ 13 และ 14 อย่างชัดเจน อีกทั้งโครงการนี้ยังพบข้อพิรุธอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการปกปิดข้อมูลโครงการ ที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดๆ ให้ประชาชนทราบแม้แต่อย่างเดียว นับแต่วันที่ยื่นคำขอจนกระทั่งได้รับใบอนุญาต สิ่งที่ชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียน ไม่เคยได้รับการตรวจสอบแม้แต่น้อย

โดยในระหว่างการประชุมมีการโต้เถียงกันถึงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายหลายประเด็น แต่สิ่งที่ทำให้นักปกป้องสิทธิฯ รู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งก็คือ การที่ นายวิมล ผอ.ทสจ. ระบุให้ชาวบ้านคำนึงถึงความยุติธรรม ที่ต้องฟังเสียงของทั้งชาวบ้านและบริษัทฯ ในการหาข้อเท็จจริง โดยทางฝั่งนักปกป้องสิทธิฯจึงโต้กลับคำพูดดังกล่าวไปว่า หากทางจังหวัดมุกดาหารมีความยุติธรรมจริง กระบวนการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่มีการเสนอมาในวันนี้ ต้องถูกตั้งขึ้นก่อนที่บริษัทพิพาทจะได้รับใบอนุญาตฯ เพราะชาวบ้านร้องเรียนถึงความไม่ถูกต้องมาตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2565 การเพิกเฉยต่อความเดือดร้อนมาโดยตลอด แล้ววันนี้มาบังคับให้ชาวบ้านรับบริษัทฯ เป็นหนึ่งในคณะกรรมการโดยอ้างเรื่องความยุติธรรมย่อมไม่ถูกต้อง

ตลอดการเจรจากกว่า 2 ชั่วโมง ด้านจังหวัดมุกดาหารยังคงยืนยันว่าตนไม่มีอำนาจในการเพิกถอนใบอนุญาตหรือมีคำสั่งให้ชะลอใบอนุญาต แต่เสนอว่าจะมีหนังสือถึงทางบริษัทฯ ให้ชะลอการดำเนินโครงการเอาไว้ก่อน จนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ และในส่วนของการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลละข้อเท็จจริงนั้น จะไม่ให้ผู้ที่ร่วมเซ็นเอกสารหนังสือตรวจสภาพป่าเข้าร่วมด้วย เพราะถือเป็นผู้ถูกร้องเรียน โดยทั้ง บริษัทฯ และนายวิมล อึ้งพรหมบัณฑิต ผอ.ทสจ.จะไม่อยู่ในคณะกรรมการชุดนี้

หลังจากการประชุมแล้วเสร็จ เวลาประมาณ 16.00 น. นักปกป้องสิทธิฯ ได้ทำการกินข้าวเย็นหว่างรอหนังสือจากจังหวัดมุกดาหารที่บริเวณทางขึ้นบันไดอาคาร ซึ่งในเวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่จังหวัดมุกดาหารได้นำหนังสือที่ลงนามโดย นายบุญเรือง เมฆฉิม รองผู้ว่าฯ ซึ่งมีเนื้อหาสาระสำคัญว่า จังหวัดมุกดาหารจะได้ดำเนินการเรื่องชะลอการเข้าดำเนินการใดๆ ในบริเวณพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมู แปลงที่สอง เพื่อดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม ท้องที่ ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จนกว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนในเป็นที่ยุติ และจะแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลและข้อเท็จจริง จากนั้นนักปกป้องสิทธิฯ จึงทำการยุติการจัดกิจกรรม และทำการเก็บของเพื่อเดินทางกลับบ้าน

ทั้งนี้กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลายมีความหวังว่า จังหวัดมุกดาหารจะดำเนินการดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในกับประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากการถูกแย่งยึดที่ดินทำกิน แหล่งอาหาร แหล่งน้ำ และพื้นที่สาธารณะประโยชน์ที่ชาวบ้านใช้รวมกัน พร้อมทั้งหยุดปกปิดข้อมูลโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนใหญ่ของจังหวัดมุกดาหารดำเนินโครงการโดยละเมิดสิทธิมนุษยชน

image_pdfimage_print