ภาพปกโดย ภาศินีย์ เกิดวิบูลย์

พิมนิยม

เมื่อรถคลานผ่านกำแพงสายฝนออกสู่ความโปร่งโล่งของพื้นผิวจราจร หลวงพ่อที่นั่งอยู่ข้างซ้ายมือของผมก็กล่าวขึ้นว่า ถือเป็นบุญวาสนาของหลวงพ่ออิหลีที่ยังมีรถจอดฮับ ถ้าบ่ซั่นคือสิถูกฝนตกฮำหัวเปียกมอดยอดแล้วล่ะ ผมคิดไม่ออกว่าจะโต้ตอบหรือต่อเติมด้วยถ้อยคำใด จึงเพิ่มแรงกดลงบนแป้นใต้ฝ่าเท้าข้างขวา สองมือกุมกระชับขอบโค้งพวงมาลัย ประคองรถให้แล่นคร่อมเส้นประสีขาว เพื่อลดความเสี่ยงจากการลื่นไถลลงไปนอนสงบสติอารมณ์อยู่กับเสาไฟฟ้าข้างทาง เนื่องจากบริเวณสองขอบข้างผิวถนนอุดมด้วยร่องรอยสึกหรอ ผมยกสายตาขึ้นมองกระจกสำหรับมองดูข้างหลังแวบหนึ่ง รถกระบะสีบรอนซ์เทาคันหนึ่งเปิดไฟแล่นตามหลังมาห่างๆ  

ภาพโดย ภาศินีย์ เกิดวิบูลย์

หลวงพ่อบอกผมว่า หลวงพ่อนั่งรถบัสจากสุรินทร์ มาลงสี่แยกบ้านจาน แล้วย่างมาเรื่อยๆ ว่าสิไปอุบล โบกรถมาเรื่อยๆ แต่บ่มีรถคันใด๋จอดฮับจ๊ากคัน อย่างหลายก็ชะลอ แล้วกะฟ้าวแล่นผ่านไป คันแล้วคันเล่า ขะเจ้าคือสิเห็นเป็นหลวงพ่อเฒ่าๆ กะเลยบ่อยากจอดฮับละหวา.. เฮ้อ มีถ้อยคำพร่ำพรูจากปากภิกษุชราอีกหลายประโยค โดยรวมแสดงความน้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาที่ไม่มียวดยานใดจอดรับนั่นแหละ ผมไม่ค่อยตั้งใจฟังนักหรอก ให้ความสำคัญกับผิวจราจรเบื้องหน้ามากกว่า เข็มสีแดงบนหน้าปัดกวัดแกว่งอยู่ระหว่างเลขแปดสิบกับเก้าสิบ ด้วยสภาพพื้นผิวจราจรตามที่กล่าวมา การเคลื่อนรถด้วยความเร็วอัตรานี้ถือว่าแรงพอสมควร เพราะผมต้องการไปให้ถึงช่วงถนนที่มีสี่ช่องทางจราจรโดยเร็ว ก่อนผืนฟ้าสีครึ้มที่ขึงคลุมอยู่เหนือศีรษะ จะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวเทลงมาสร้างปัญหาให้กับทัศนวิสัยในการขับขี่อีกรอบ อีกเหตุผลคือ ผมไม่ใคร่พิสมัยการเสวนากับสมณเพศ หรือมีปฏิสัมพันธ์ในระยะเผาขนกับพระสงฆ์องค์เจ้าสักเท่าใดนัก อาจเพราะชีวิตของผมไม่เคยผ่านการบรรพชาหรือผ่านการอุปสมบถ รวมทั้งไม่เคยใช้ชีวิตอย่างชิดใกล้วัดวาอารามมาก่อน จึงเกรงว่าจะใช้สรรพนามหรือศัพท์แสงกับผู้ทรงศีลได้ไม่เหมาะไม่ควร จึงซ่อนงำความโง่เขลาของตัวเองจากคู่สนทนาด้วยความเงียบ 

หากจะมีสักวลีหนึ่งหลุดผ่านริมฝีปากของผมออกมา จะต้องผ่านตะแกรงแห่งสติปัญญาเท่าที่ตัวเองมีอยู่เสียก่อนสองรอบเป็นอย่างน้อย เป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดับเดียวกับการสนทนากับนักกฎหมาย สนทนากับนักวิชาการ หรือสนทนากับพวกขี้ยาเลยทีเดียว… เพราะหากพลั้งเผลอพูดเพี้ยนจากข้อเท็จจริงเพียงวลีเดียว ไม่ว่าจะเพี้ยนเพราะไม่รู้ หรือเพี้ยนเพียงต้องการเสียงฮา นั่นเท่ากับกระทุ้งต่อมฉลาดของคู่สนทนาให้แตกฟุ้ง  กระทุ้งกระแทกแดกดันกลับมาเหยียดยาวราวตัวเรานี้เป็น “จอกก้นฮั่ว” เติมน้ำลงไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม   

ยังดีที่ทั้งหลายทั้งปวงที่หลวงพ่อพูดออกมา  ไม่ต้องการคำตอบหรือต้องการความคิดเห็น ผมจึงหุบปาก ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปอย่างตั้งอกตั้งใจไม่กระพริบตา ไม่ห่อริมฝีปากผิวเพลงเพี้ยนๆ ไม่สบถใส่พื้นผิวพิกลพิการของท้องถนนทุกๆ 8 – 10 นาที ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวผู้อื่นด้วยหางตา  กล่าวคือ การขับรถเที่ยวนี้ของผมเป็นการขับด้วยความสำรวมที่สุดนับตั้งแต่เคยขับรถมาเชียวล่ะ 

อีกแนวหนึ่งที่ภิกษุสูงวัยเมตตาสาธยาย คือคติธรรมคำสอนกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งซึมซับได้ฟรีจากทีวีในเช้าวันพระ และจากสมาร์ทโฟน ทว่าวลีปิดของท่านในแต่ละย่อหน้า มักตัดพ้อต่อว่ารถราที่เมินเฉยต่อมือที่โบกสะบัดของท่าน  

ผมเชื่อว่า ผมพอจะเข้าถึงอารมณ์ท่านในสถานการณ์ดังกล่าวอยู่บ้างไม่มากก็น้อย เพราะตัวเองเคยเป็นนักโบกรถสมัครเล่นมาก่อน มีทั้งโบกแบบบันเทิง เพื่อเดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ ในช่วงที่อยู่ในวัยรุ่นวัยเรียน และโบกแบบบรรเทาทุกข์ เพราะไม่มีสตางค์ค่ารถกลับบ้าน เดินไปโบกรถไปเรื่อยจนปวดแสบส้นเท้า ไม่ได้รับความความอนุเคราะห์จากรถเลยสักคันจนถึงปลายทางก็บ่อยครั้ง     

ต่อเมื่อมีรถกระบะ “ฟอร์ดเรนเจอร์” เป็นของตัวเองเมื่อสิบแปดปีก่อน ผมก็ไม่ปล่อยตัวเองเดินท่อมๆ อยู่ตามไหล่ทางอีก แม้จะรักสายลมแสงแดดและทัศนียภาพของสองข้างทางอยู่เต็มหัวใจก็ตาม มีบ้างโบกรถเข็นขายไอศกรีม โบกรถตลาดโตงเตงเพื่อซื้อปลาทูเค็มกับไข่ไก่ รวมถึงโบกมอเตอร์ไซค์เพื่อนชาวสวนเพื่อฝากสตางค์ซื้อเบียร์เย็นๆ จากร้านชำในหมู่บ้านมาให้   

เส้นทางที่ผมเทียวไปเทียวมาระหว่างสวนกับบ้านพักอาศัยกว่าสามสิบเที่ยวต่อปีนั้น  มีระยะเป็นตัวเลขกลมๆ แปดสิบกิโลเมตร ผ่านเมืองที่มีขนาดเดียวกับฉากเมืองหนังคาวบอยฝรั่งสามเมือง มีหมู่บ้านหรือเรือนชานราษฎรตั้งอยู่ตามรายทางทุกสี่สิบหรือห้าสิบช่วงเสาไฟฟ้า มีรถตู้ และรถบัสหวานเย็นวิ่งรับส่งผู้โดยสาร ทั่วถึงและครอบคลุมทุกหลักกิโลเมตรที่ผู้โดยสารต้องการให้จอดวันละหกเที่ยว โดยมีมอเตอร์ไซค์จอดรอรับส่งถึงหมู่บ้านที่อยู่ไกลจากปากทางอีกทอดหนึ่ง 

ด้วยความสมประกอบของการขนส่งมวลชนบนถนนสายนี้ คนยืนโบกรถอยู่บนไหล่ทางจึงแทบไม่ปรากฏต่อสายตา มีเพียงตำรวจยืนโบกอยู่หน้าป้อมยามบริการประชาชนในเขตอำเภอสำโรงเท่านั้น ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ทุกชนิดที่สัญจรผ่านพิกัดดังกล่าว ในห้วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ลอยสูงทำมุมตั้งฉากกับศีรษะ  ไม่ว่าคนขับจะปวดอุจจาระปวดปัสสาวะ หรือรีบร้อนไปดูใจบุพการีที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาลก็ต้องจอด เพื่อรับการตรวจสอบความถูกต้องของการชำระภาษีรถและใบอนุญาตขับขี่จากชายในเครื่องแบบกลุ่มนี้เสียดีๆ โดยไม่มีเงื่อนไข เว้นเสียแต่ว่ารถคันดังกล่าวหรือรถขบวนดังกล่าวจะมีรถตำรวจทางหลวงเปิดไซเรนวิ่งนำหน้า  

ผมจอดรถรับภิกษุสูงวัยท่านนี้ที่กิโลเมตรที่สามจากสี่แยกบ้านจาน ท่านว่ากำลังจะเดินทางไปมุกดาหาร ผมเรียนว่าปลายทางของผมอยู่แค่วารินชำราบเท่านั้น ท่านว่านั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือลมเริ่มกรรโชกแรงจนจีวรปลิวสะบัด ของเหลวขนาดเม็ดข้าวโพดนับล้านๆ กำลังทิ้งตัวลงจากผืนฟ้า ท่านต้องการไปให้พ้นจากสถานการณ์ที่กำลังเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ นี้เท่านั้น จะไปจอดให้ลงแห่งหนตำบลใดก็ได้ ขอแค่บริเวณนั้นมีชุมชน และมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต

จะว่าไปแล้ว หากเห็นเป็นนักบวชหนุ่มแน่นหรือปุถุชนคนร่างกายปรกติทั่วไป ผมคงหลับหูหลับตาเหยียบคันเร่งผ่านไปโดยไม่เหลียวมองหลัง ด้วยเกรงว่าจะเป็นมิจฉาชีพแฝงร่างมาในอาภรณ์ของนักบวชนักบุญ เดินสายเรี่ยไรปัจจัยจากไทบ้าน  แม้ปัจจัยที่ขอรับบริจาคจะไม่จำกัดขั้นต่ำ แต่ผมก็ไม่ประสงค์จะตกเป็นเหยื่ออยู่ดีแหละ แต่ครั้นเห็นเป็นผู้สูงวัยในเครื่องห่มคลุมอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งวิญญูชนให้ความเคารพบูชาและกราบไหว้ จะขับผ่านเลยไปก็ดูจะกระไรอยู่  

หลังถ่ายทอดคติธรรมคำสอนต่อเนื่องกันไกลหลายกิโลเมตร หลวงพ่อก็กล่าวขึ้นว่า ในรถคันนี้ เท่าที่เบิ่งแล้วบ่เห็นมีของดีติดอยู่เลย ผมไม่แน่ใจว่าท่านถามหรือแสดงเป็นปริศนาธรรม จึงใช้เวลาเล็กน้อยในการไตร่ตรอง ในระหว่างนั้นท่านก็ล้วงมือหยิบสร้อยเชือกร่มสีดำ มีเหรียญโลหะสีน้ำตาลแขวนอยู่หนึ่งเหรียญออกมาจากย่าม   

ผู้ทรงศีลพนมมือกอบกำสร้อยเส้นนั้นหลวมๆ ยกขึ้นแตะหน้าผาก ขมุบขมิบริมฝีปาก ภาษาบาลีส่งเสียงเล็ดลอดออกมาเบาๆ ท่านคล้องสิ่งนั้นไว้กับก้านกระจกเหนือหน้าผากโดยไม่ม้วนทบ เหรียญโลหะทิ้งน้ำหนักลงสุดความยาวของสายสร้อย กวัดแกว่งคลอเคลียหลังมือซ้ายที่กุมคันเกียร์ของผม   

ภิกษุชราล้วงมือเข้าไปในย่ามอีกครั้งตอนไหนไม่รู้ ผมตวัดหางตาไปแวบหนึ่งก็เห็นซองซีดีอยู่ในมือของท่านเสียแล้ว ท่านดึงแผ่นออกจากซองแล้วถือไว้ด้วยมือข้างเดียวกัน มืออีกข้างยื่นไปลูบคลำแผงหน้าปัดวิทยุบนคอนโซลและถามว่า หม่องเปิดมันยุไส ผมเอื้อมมือไปหมุนปุ่มเปิด-ปิด มีเสียงครืดคราด เล็ดลอดออกมาจากลำโพงที่ฝังอยู่ในประตูรถทั้งสองข้าง  

ก่อนอื่น ผมใคร่อธิบายว่า วิทยุหรือเครื่องเสียงติดรถของผมเครื่องนี้ รองรับวัสดุบันทึกเสียงได้เพียงเทปคาสเซ็ทเพียงชนิดเดียวเท่านั้น มีอัลบั้มยี่สิบห้าปีคาราบาวติดค้างอยู่ข้างในหลังเปิดฟังได้สามรอบแล้วเงียบกริบ กดปุ่มเดินหน้าก็เฉย กดปุ่มถอยหลังก็เฉย กดปุ่มกระเด้งก็เฉย ผมไม่รู้จะทำอย่างไร และไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร จึงปล่อยมันไว้เฉยๆ หากเปรียบกับสิ่งมีชีวิตมันคงอยู่ในภาวะอัมพาต มีขีดตั้งตรงสีแดงสี่ขีดกระพริบปริบๆ อยู่บนหน้าปัดแสดงว่ายังหายใจอยู่ แต่ไม่ขยับปรับเปลี่ยนเป็นเลขตัวอื่นเลย ผมเคยคิดจะรื้อไปขายให้พวกอนุรักษ์ของเก่าแล้วหาตัวร่วมสมัยกว่ามาสวมใส่แทน แต่ไม่ค่อยมีสตางค์ เพราะต้องจ่ายค่าซ่อมบำรุงอวัยวะอื่นของรถที่จำเป็นกว่า เช่น เปลี่ยนล้อยาง  เปลี่ยนหม้อน้ำ เปลี่ยนแบตเตอรี่ และโน่นนั่นนี่ที่มีผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์และการเคลื่อนที่ของรถ เครื่องอำนวยความบันเทิงดังกล่าวจึงถูกเขี่ยร่วงลงไปอยู่บรรทัดสุดท้ายในใบรายการซ่อมบำรุงเรื่อยมา หากรู้สึกเปลี่ยวเหงาในระหว่างเดินทางเพียงลำพัง ผมจะผิวปากหรือแหกปากร้องเพลงกรอกหูตัวเองไปเรื่อยเมื่อยก็พัก หลายปีหลังมานี้ หากมีโอกาสนั่งรถคันอื่นซึ่งเป็นรถของคนอื่น แล้วเขาเปิดเพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลงคุ้นหูหรือเพลงไม่คุ้นหู ผมจะรู้สึกเดียวกัน คือรำคาญในรูหู

หลวงพ่อวางสิ่งที่อยู่ในมือไว้บนคอนโซล  ท่านว่าเป็นซีดีบันทึกการแสดงสดธรรมเทศนาของหลวงปู่อดีตเจ้าอาวาสวัดที่ท่านเพิ่งกลับจากการไปร่วมงานบุญมาหมาดใหม่ มีคุณค่าต่อจิตใจ และมีพุทธคุณมหาศาล หลวงปู่ที่หลวงพ่อกล่าวถึง ตัวจริงเสียงจริงของท่านผมคงไม่มีวาสนาได้สัมผัสแล้วในชาตินี้ เพราะท่านมรณภาพไปนานหลายปีแล้ว อย่างไรก็ตาม รูปเงาและหมายเลขบัญชีเงินฝากวัดของท่าน ยังคงชัดแจ่มอยู่บนแผ่นไวนิลผืนใหญ่ขึงบนบิลบอร์ดตระหง่านตามหัวมุมสี่แยกถนนเลี่ยงเมือง 

เมื่อรถแล่นเข้าสู่เขตอำเภอสำโรงซึ่งการจราจรเพิ่มเป็นสี่ช่องทาง แทนที่จะทำความเร็วได้ตามใจปรารถนากลับต้องชะลอและจอดรถ ประชิดท้ายเก๋งมาสด้าสีขาว หน้ารถคันดังกล่าวเป็นรถบรรทุกวัตถุไวไฟจำพวกก๊าซ… หากมันเกิดระเบิดตูมขึ้นมาคงฉิบหายวายวอดกันเป็นบริเวณยาวอย่างน้อยสองช่วงเสาไฟฟ้าแหละ แต่ผมไม่กลัวหรอก เพราะวันนี้ผมมีของดีอยู่ในรถ 

หลวงพ่อรำพึงออกมาเบาๆ ว่า ข้างหน้าเป็นอิหยังรถคือติดคักติดแหน่แท้ รถตำกันละหวา ผมหันไปบอกท่านว่า บ่แม่นดอกครับ อ้ายตำรวจเพิ่นตั้งด่าน สงสัยมีรถขนงัวขนควายครับ รถแนวนี้สิตรวจโดนเป็นพิเศษ ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าภิกษุสูงวัยไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย เอ้อ หลวงพ่อครับ อย่าว่าจังซั่นจังซี่เด้อครับ ขะน้อยบ่แน่ใจในกฎหมายจราจรทางบกว่าละเว้นการบังคับใช้เข็มขัดนิรภัยกับภิกษุสงฆ์หรือบ่ แล้วขะน้อยกะบ่ฮู้จักตำรวจในด่านตรวจนี้จักคน     

หลวงพ่อหาได้ใส่ใจในคำแนะนำของผู้เป็นคนขับอย่างผมไม่ ท่านว่าจะขอลงตรงนี้แหล่ะ ผมถามตัวเองในใจว่า กูเว้าหยังผิดไปบ่ว้า ท่านเอี้ยวตัวเอื้อมมือหยิบยกบาตรที่วางอยู่เบาะหลังมาวางบนตัก คล้องสายบาตรขึ้นบ่า สอดแขนซ้ายเข้ากับหูย่าม  จิ้มปลายนิ้วชี้ขวาที่หน้าปัดนาฬิกาบนคอนโซล พูดเสียงสั่นๆ ว่า ฮอดยามฉันเพลของหลวงพ่อแล้วตั๊วนี่ โฮ้ย ถ้าบ่เห็นนาฬิกาคือสิลืมไปเลย 

ผมเขยื้อนริมปากหมายจะชี้แจงข้อเท็จจริงบางประการ แต่หลวงพ่อชิงสวดคาถาภาษาบาลีที่ลงท้ายคำว่า… อายุ วันโณ สุขัง พะลัง เสียก่อน ผมพนมมือน้อมรับโดยอัตโนมัติ จากนั้นท่านก็เปิดประตูหย่อนเท้าลงไปยืนรีรออยู่ในระยะหนีบของประตูรถ มวลอากาศร้อนจากภายนอกวูบผ่านเข้ามาจนรู้สึกได้ ผมถามภิกษุชราว่า หลวงพ่อลืมสายสร้อยกับแผ่นซีดียุบ่ครับ ท่านส่ายศีรษะช้าๆ และว่า ของสองอันนี้หลวงพ่อมอบให้โยมมีติดรถไว้เพื่อเป็นสิริมงคลก็แล้วกันเด้อ ผมกล่าวขอบพระคุณพร้อมกับพนมมือไหว้อีกครั้ง ท่านหันหน้าไปทางซ้าย หันหน้าไปทางขวา หันหน้าไปทางซ้ายอีกที แล้วหันหน้ามาสบสายตากับผม ใช้มือคลี่เปิดปากย่ามและพูดด้วยน้ำเสียงขาดความมั่นใจว่า โยมสิบ่เฮ็ดบุญถวายค่าอาหารเพลหรือค่าเดินทางจักเล็กจักน้อยบ่หือ

ผมสะดุ้งเฮือก ตกใจต่อเสียงลั่นคำรามของแตรรถที่ดังขึ้นในทันใด เดซิเบลดังกล่าวกลบกลืนคำพูดของหลวงพ่ออย่างน้อยหนึ่งประโยค ผมยกสายตาขึ้นมองกระจก กระบะสีบรอนซ์เทาจอดประชิดท้ายรถของผม มีรถบรรทุกพ่วงต่อท้ายกระบะสีบรอนซ์เทาอีกอย่างน้อยหนึ่งคัน ครั้นลดสายตาลงมองตรงไปข้างหน้า เก๋งมาสด้าสีขาวก็เคลื่อนห่างออกไปไกลกว่าหนึ่งช่วงเสาไฟฟ้าแล้ว ผมอุทานออกมาเบาๆ อย่างลืมตัวว่า อ้าว ฉิบหายแหล่ว @

image_pdfimage_print