หทัยรัตน์ พหลทัพ เรื่อง

อติเทพ จันทร์เทศ ภาพ

หนองบัวลำภู – วันที่ 4 กันยายน 2563 กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ – ผาจันได อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู กว่า 300 คนจาก 6 หมู่บ้านในตำบลดงมะไฟ ร่วมกิจกรรมเดินยึดเหมือง โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. ด้วยการเดินจากปากทางเข้า – ออกโรงโม่หินของบริษัท ธ.ศิลาสิทธิ​ จำกัดไปยังพื้นที่การสัมปทานเหมืองหินปูนระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรเพื่อประกาศชัยชนะ หลังใบอนุญาตเข้าใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเก่ากลอยและป่านากลางของบริษัทเอกชนสิ้นลงเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา 

การทำกิจกรรมครั้งนี้มี สอน คำแจ่ม ถือภาพ ทองม้วน คำแจ่ม อดีตกำนันตำบลดงมะไฟ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ต่อต้านการสร้างเหมืองหินที่ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2542 เดินนำขบวน 

เมื่อเดินทางถึงพื้นที่การทำสัปทาน กลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้แขวนป้ายผ้าที่มีข้อความขนาดใหญ่ว่า “ขอให้เหมืองจบในรุ่นเรา” ชู 3 นิ้ว พร้อมตะโกนเป็นเสียงเดียวร่วมกันว่า ปิดเหมืองหินและโรงโม่ ฟื้นฟู ภูผาป่าไม้ และพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ทางกลุ่มอนุรักษ์ฯ เคยเรียกร้องกับผู้รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภูให้เข้ามาแก้ไขปัญหา 

จากนั้นได้เปลี่ยนธงสีแดงบริเวณการทำสัมปทานเหมืองหินของบริษัทเอกชนเป็นธงสีเขียวที่มีตราสัญลักษณ์ของกลุ่มอนุรักษ์ฯ​ และปักป้ายชื่อหมู่บ้านแห่งใหม่ว่า “ชุมชนผาฮวกพัฒนา ชาวประชาสามัคคี” ไว้บริเวณพื้นที่การระเบิดหินปูน   

ต่อมากลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้ทำพิธีขอขมาต่อป่าเขาตามความเชื่อของชาวบ้านว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคยอยู่ในภูผาฮวกได้รับการก่อกวนจากการระเบิดหิน ชาวบ้านจึงขอขมาและทำพิธีบายศรีสู่ขวัญภูผาฮวกและทำพิธีบวชป่าเพื่อปกป้องผืนป่าที่ยังคงเหลืออยู่จากการทำเหมืองของบริษัทเอกชน 

วิลัย อนุเวช ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชน เขาเหล่าใหญ่ – ผาจันได อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู อ่านแถลงการณ์ทวงคืนภูผาฮวก

ชาวดงมะไฟจะลืมความเจ็บปวดในอดีต 

จากนั้น วิลัย อนุเวช ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้อ่านแถลงการณ์ว่า หมู่บ้านภูผาฮวกที่นำมาปักป้ายใหม่ตรงนี้ แต่ก่อนนายทุนได้ระเบิดหินเพื่อนำไปขายสร้างประโยชน์ส่วนตนเป็นเวลาหลายปี 

“พวกเราจะลืมความเจ็บช้ำน้ำใจจากการเสียชีวิตถึง 4 ศพ ลืมความเจ็บช้ำน้ำใจจากการฟ้องคดีกลั่นแกล้ง ทำให้ต้องติดคุกติดตารางไปหลายปี ลืมความเจ็บช้ำน้ำใจที่ถูกตำรวจกระหน่ำตีจนบาดเจ็บหัวร้างข้างแตกและลืมความเจ็บช้ำน้ำใจที่กดให้พวกเราต้องหวาดกลัว” วิลัยอ่านแถลงการณ์และว่า “ความหวาดกลัวได้สิ้นสุดลงแล้ว การมุ่งมั่นปิดเหมือง ทวงถิ่นแผ่นดินแม่ จะเยียวยาความเจ็บช้ำน้ำใจทุกอย่างที่ผ่านมา”    

“นี่คือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของตำบลดงมะไฟที่จะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม  พวกเราพร้อมสานต่อภารกิจ พัฒนาดงมะไฟให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณคดีต่อไป” ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์กล่าว 

สอน คำแจ่ม ขณะถือภาพ ทองม้วน คำแจ่ม อดีตกำนันตำบลดงมะไฟ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ต่อต้านการสร้างเหมืองหินที่ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อปี 2542 เดินนำขบวน            

แม้ตัวตายก็ไม่เสียดายชีวิต 

ขณะที่ สอน กล่าวต่อหน้าผู้ร่วมกิจกรรมว่า การต่อสู้ที่ผ่านมาถือว่าไม่เสียเปล่า เพราะมีคนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบได้ร่วมกันต่อสู้ 

“แม้ตัวตายก็ไม่เสียดายชีวิต เพราะวันนี้ถือเป็นวันชัยชนะของชาวบ้านในการยึดพื้นที่เหมืองคืน การมาถึงวันนี้ได้ สามีคงภาคภูมิใจในสิ่งที่กำลังทำ ถ้าได้ชัยชนะอย่างสมบูรณ์แล้ว จะไปเคาะโรงศพกำนันที่ป่าช้าเพื่อบอกว่าเราชนะแล้วและจะนำศพสามีขึ้นมาฌาปนกิจ”

เธอกล่าวอีกว่า การที่ชาวบ้านออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้จะทำให้ภาครัฐ ผู้มีอำนาจ เข้ามาเหลียวแลการต่อสู้คนในชุมชนได้มากขึ้น

ส่วน เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ – ผาจันได อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู  หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมประกาศชัยชนะยึดเหมืองคืนในวันนี้ ทางกลุ่มฯ จะปักหลักบริเวณทางเข้าออกเหมืองจนถึงวันที่ 24 กันยายน 2563 ซึ่งจะเป็นวันสุดท้ายที่ใบประทานบัตรการเหมืองของบริษัทเอกชนจะสิ้นสุด 

“ในเช้าวันที่ 25 กันยนยน 2563 ทางกลุ่มฯ จะเคลื่อนขบวนเพื่อไปปิดโรงโม่แบบเบ็ดเสร็จถาวรต่อไป ถือเป็นการยึดเหมืองแบบเบ็ดเสร็จ” เลิศศักดิ์กล่าว 

บริเวณพื้นที่สัมปทานเหมืองหินปูนบนภูผาฮวกของบริษัท ธ.ศิลาสิทธิ​ จำกัด ไม่มีการระเบิดหินแล้ว หลังใบอนุญาตการเข้าพื้นที่หมดตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2563

สำหรับพื้นที่บริเวณสัมปทานเหมืองหินปูนขณะนี้ไม่มีการระเบิดหินและไม่มีการทำกิจกรรมใดๆ แล้ว ส่วนอาคารสำนักงานของบริษัท ธ.ศิลาสิทธิ จำกัด ยังคงมีพนักงานของบริษัทเข้ามาดูแลพื้นที่ โดยยังมีรถแม็คโครจอดอยู่จำนวน 3 คัน และยังมีกองหินปูนที่บดแล้วเพื่อรอจำหน่ายจำนวนหนึ่ง 

พานบายศรีสู่ขวัญและขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนภูผาฮวก ซึ่งเคยเป็นเขตสัมปทานการทำเหมืองของบริษัท ธ.ศิลาสิทธิ​ จำกัด

หัวหน้าคนงานของบริษัท ธ.ศิลาสิทธิ จำกัด เปิดเผยกับเดอะอีสานเรคคอร์ดว่า ทางพนักงานไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการประกอบกิจการของเจ้าของบริษัทฯ รู้เพียงว่ามีหน้าที่ต้องเฝ้าสิ่งของและดูแลลูกน้อง 

ผู้สื่อข่าวเดอะอีสานเรคคอร์ดได้โทรศัพท์สอบถามตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ประกาศไว้ด้านหน้าทางเข้าออกเหมืองหินปูน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ 

ทั้งนี้บริษัท ธ.ศิลาสิทธิ จำกัด ประกอบกิจการเหมืองหินปูนตั้งแต่ปี 2536 ในพื้นที่ 175 ไร่ ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ – ผาจันได เคยร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการระเบิดหินที่มีเสียงดัง ปัญหาจากฝุ่นละอองและอื่นๆ แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 การเจรจาระหว่างรองผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่สำเร็จ ทำให้กลุ่มอนุรักษ์ฯ ปิดทางเข้าออกเหมืองจนถึงวันนี้ 

 

image_pdfimage_print