ดลวรรฒ สุนสุข เรื่อง 
อติเทพ จันทร์เทศ ภาพ 
และ จุฑามาศ สีดา นักศึกษาฝึกงาน The Isaan Record

หมุนเข็มนาฬิกาทวนกลับไปวันที่ 29 ตุลาคม 2563 จตุพร แซ่อึง หรือ นิว แกนนำกลุ่มบุรีรัมย์ปลดแอก และสมาชิกกลุ่ม We Volunteer (Wevo) ใส่ชุดไทยสีชมพูเดินในงาน เเฟชั่นราษฎรบนพรมแดง ถนนสีลม วัดแขก กรุงเทพมหานคร ในช่วงอุณภูมิการเมืองร้อนฉ่า มีม็อบทุกสัปดาห์ 

“วันนั้นมีงานเดินแฟชั่นราษฎร ก็เลยคิดว่าจะใส่ชุดอะไรไปดี ชุดไทยไหม เพราะไม่ค่อยได้ใส่ ด้วยความที่เป็นเพศทางเลือกด้วย เลยไปเช่าชุดมาในราคา 700 บาท ใส่ไปในงานแล้วมีเพื่ออยู่กลุ่ม Wevo มากางร่มให้ เพื่อโปรโมทร่มของกลุ่ม” 

“และหลังจากที่เดินบนพรมแดง ก็มีคนเริ่มกราบเท้าเรา แล้วตะโกนทรงพระเจริญ แล้วในเอกสารข้อกล่าวหาก็บอกว่า เราแต่งตัวเลือนแบบพระราชินี ทำให้เกิดการเกลียดชัง เราก็ตกใจเหมือนกัน” 

นิว เล่าถึงวันที่เธอใส่ชุดไทย เดินแฟชั่นราษฎรเป็นที่มาของข้อกล่าวหามาตรา 112 ที่เธอได้รับหลังจากนั้นอีก 2 เดือน จากการฟ้องร้องดำเนินคดี ของแอดมินเจน หรือ วนิษนันท์ ศรีบวรธนกฤต เจ้าของแฟนเพจเฟซบุ๊ก “เชียร์ลุง”  

รอยสักที่แผ่นหลังของ จตุพร หรือ นิว ที่บอกเธอบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตวันที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ม.112 ที่ สน.ยานนาวา

หลังการรับทราบข้อกล่าวหา The Isaan Record ได้พูดคุยกับ นิว เกี่ยวกับความเป็นมาของเธอ ในห้วงเวลา 1 ปี จากจังหวัดบุรีรัมย์ อีสานใต้ สู่ ผู้ต้องหาใส่ชุดไทยเดินพรมแดง คดี ม.112 เกิดขึ้นอะไรขึ้นบ้างหลังโดนคดีความ 

The Isaan Record : ความรู้สึกแรกที่โดนหมายเรียกในคดี ม.112  

จตุพร : ตกใจมากกว่า เพราะคิดว่า มันคงไม่มีอะไรมาก คือ เราไปเดินแฟชั่น ตัวเรารู้อยู่แล้วว่า เราไปทำอะไร วันแรกที่ได้หมาย ก็ไปม็อบพอดี ไปเป็นการ์ด Wevo น่าจะเป็นม็อบจะนะ (ต่อต้านอุตสาหกรรม จะนะ จ.สงขลา)  คือ เราไม่รู้เลยนะว่า หมายถึงเรา เพราะตำรวจลงบ้านเลขที่ผิด จนมีคนส่งมาว่า ใช่ชื่อเธอไหม เราก็รู้เลยว่า เป็นเราเอง เครียดอยู่ช่วงแรก เพราะเราออกมาคลื่อนไหว เราไม่ได้อยากมีคดี เราอยากเคลื่อนไหวในแบบของเรา เคลื่อนไหวแบบเงียบ ๆ พอโดนมาเราก็เครียดไปวัน – สองวัน 

จนวันที่ไปรับทราบข้อกล่าวหา ตอนนั้นมันหมดความกลัวแล้ว เราก็คิดว่ามันเป็นกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ตีวงกว้าง ใครที่ไม่ใช่เจ้าทุกข์ก็สามารถแจ้งได้ เราก็เลยไม่กลัว เลยเต้นรับทราบข้อกล่าวหาไปเลย มันทำให้เรามองว่าถ้าคุณทำตัวไม่น่าเคารพ เราก็ไม่เคารพคุณเหมือนกัน ก็เปรียบเหมือนผู้ใหญ่ ก็เลยเต้นแล้วฉีกหมาย เเต่หมายที่ฉีกเป็นหมายที่ถ่ายเอกสาร 

โดนไป 4 ข้อหา  มี ม.112, พ.ร.บ ชุมนุมฯ ,พ.ร.บ โรคติดต่อ, พ.ร.บ เครื่องขยายเสียง ซึ่งเครื่องขยายเสียงน่าจะเป็นโทรโข่งเล็ก ๆ อันเดียว ซึ่งเราไม่ได้ถือเลย มีคนอื่นถือ เราโดนหมดเลยวันนั้น และมีน้องอายุ 16 น้องแต่งครอปท็อปสีดำ โดนคดี ม.112 ด้วย 

The Isaan Record : คิดยังไงกับ ม.112 ที่บอกว่าใครก็แจ้งดำเนินคดีได้

จตุพร : คิดว่า มันไม่เป็นธรรม มันใช้กลั่นแกล้งผู้เห็นต่าง แค่แชร์ในโซเชียลมีเดียก็โดน เราว่า มันไม่ถูกต้อง ก็เลยพยายามรณรงค์ให้ยกเลิก ม.112 ไปเลย อย่างที่บอกไปว่า คนที่ไม่ใช่เจ้าทุกข์เขาก็เเจ้งความเราได้ เช่น เขาไม่โอเคกับเราเขาก็เเจ้งความได้ มันเป็นเหมือนกฎหมายไว้ใช้กลั่นแกล้งมากกว่า 

The Isaan Record : กลัวไหม

จตุพร : ตอนแรกก็กลัว คือย้อนกลับไปที่เราเห็นคนติดคุก เช่นพี่ ไผ่ดาวดิน หรือจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา เเค่เเชร์ข่าวจาก bbcthai ก็โดนคดีเข้าคุก ด้วยมาตรานี้ ซึ่งเราเห็นตรงนี้มันน่ากลัว แต่ก็กลัวแค่ช่วงแรก หลัง ๆ มาคือแชร์กันเหมือนใบปลิวเลย ก็เริ่มไม่กลัวแล้ว 

 “คือไม่กลัวตั้งแต่วันที่ใกล้รับทราบข้อกล่าวหา เราก็มานั่งไล่เรียงดูว่ามันน่าจะหมดความศักดิ์สิทธิ์ ความชอบธรรมไปแล้ว ก็เลยไม่กลัวจนถึงตอนนี้” 

“ฉันเกิดในรัชกาลที่ 9 ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป” บนอกข้างช้ายของ จุตพร สักไว้หลังการสวรรคตในหลวงรัชกาลที่ 9

The Isaan Record : จุดประสงค์ในการดำเนินคดีของเขา คือ ขู่ให้เรากลัว 

จตุพร : ใช่ น่าจะเป็นการขู่ให้กลัวแล้วให้หยุดเคลื่อนไหว แต่เราก็ไม่หยุด ก็เป็นเหมือนเดิม ใครที่ไปม็อบบ่อยๆ ก็จะเห็นเราอยู่ทุกม็อบ 

The Isaan Record : คดีนี้ใครแจ้งความ 

จตุพร : คุณเจน แอดมินเพจเชียร์ลุง ซึ่งเราไม่เคยบาดหมางกับเขามาก่อน เราก็ดูไลฟ์สดตั้งแต่วันที่เขาไปแจ้งความแล้ว ตอนนั้นยังไม่มีการเอา ม.112 มาใช้ เราก็คิดว่า เราจะโดนในคดีอะไร จนเอา ม.112 ใช้ รู้เลยว่า ตัวเองต้องโดน 

The Isaan Record : หน้าสถานีตำรวจวันที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา เป็นอย่างไรบ้าง

จตุพร : ในวันนั้น เราเป็นหนึ่งในสมาชิก Wevo พอโดนหมายเรียก ก็คุยกันว่าจะไป จัดกิจกรรมที่หน้า สน.มีดนตรี มีเวที แล้วก็มีผู้ใจดี ทำเค้กมาให้เรา เพราะใกล้วันคล้ายวันเกิดเราด้วย ซึ่งเค้กเป็นรูปที่เราใส่ชุดไทย แต่มีโซ่ตรวจ และยกเลิก ม.112 ในนั้นด้วย ซึ่งมันก็สนุกสนานและอบอุ่นดี และมีคนคอยให้กำลังใจเยอะมาก 

The Isaan Record : อยากฝากถึงคนที่แจ้งความ และคนที่บังคับใช้ ม.112

จตุพร : คือมันเป็นกฎหมายที่หมดความศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ไม่ว่าคุณจะแจกอีกกี่ใบ เราก็ยังจะสู้อีกเหมือนเดิม มันเป็นกฎหมายเพื่อปิดปากมากกว่า ปิดปากผู้พูดความจริง ซึ่งเราคิดว่า ทุกคนที่โดนพร้อมลุกขึ้นสู้  

“ไม่ว่าคุณจะให้คดีอีกกี่หมายเราก็พร้อมจะลุกขึ้นสู้ ยิ่งสู้มากกว่าเดิมด้วยนะ เหมือนกับว่า เขาปิดปากเรา เรายิ่งอยากแหกปากให้มันดังกว่าเดิม”

The Isaan Record : ความคิดเห็น เกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

จตุพร : เราคิดว่า มันควรทำ อยากให้กษัตริย์ลงมาอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ เป็นกษัตริย์ที่สามารถตรวจสอบได้ และวิพากษ์วิจารณ์ได้ด้วย คือ อันนี้แค่ล้อเลียนก็โดนแล้ว จริงๆ เราก็ไม่ได้ล้อเลียน ต่บุคคลเขาตีความว่าเราล้อเลียนเราก็โดนแล้ว ก็จะมีคำที่พูดเล่นกันว่า

“ถ้าเขาจะรัก ไม่มี ม. 112 เขาก็รัก ไม่ว่าเผด็จการจะปิดปากเราขนาดไหน กฎหมายในรูปแบบใด เราก็ยังจะสู้เหมือนเดิม”

The Isaan Record : อะไรที่ทำให้ต้องสู้

จตุพร : ที่เราออกมาสู้ก็เพราะความไม่ถูกต้อง และอะไรหลาย ๆ อย่างที่มันบิดเบี้ยวด้วย   

The Isaan Record : ฝากถึงคนที่ยังสู้ต่อ  จตุพร : น่าจะยาว เราก็สู้ตั้งแต่ออกจากจังหวัดบุรีรัมย์ ก็ไปสู้ที่กรุงเทพฯ 4 เดือนเต็มๆ ที่ไม่ได้กลับบ้านเลย กลับมาเลือกตั้งแค่ครั้งเดียว ก็สู้ไปด้วยกัน สู้อยู่เคียงข้างกัน น่าจะไม่มีใครทิ้งใครแน่นอน

จตุพร ใส่ชุดไทยในวันที่ไปรับทราบข้อกล่าวหา ม.112 เครดิตภาพ : Thai Democracy

The Isaan Record : ที่บ้านบุรีรัมย์โดนคุกคามอย่างไรบ้าง ทำไมต้องไปอยู่กรุงเทพฯ

จตุพร : ส่วนตัวก็ตกงาน โดนไล่ออก ตั้งแต่มาทำม็อบครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2563 ที่บุรีรัมย์ ก็โดนไล่ออกจากงาน หลังจากนั้นก็มาจัดม็อบอีก มีการพูดว่า ที่นี่จะไม่มีการจัดม๊อบอีก หลายคนอาจจะรู้ว่า ที่บุรีรัมย์ไม่มีการจัดม็อบได้เลย ไม่ว่าจะงานวิ่งไล่ลุง ไม่เคยทำได้ เรา(กลุ่มบุรีรัมย์ปลดแอก)เป็นกลุ่มแรกที่ทำน่าจะสร้างความโกรธให้คนในพื้นที่ ได้มากเหมือนกัน ซึ่งมันมีเรื่องที่ไม่สามารถพูดได้เลยเพราะกลัวมันจะกระทบกับงานที่ครอบครัวเราทำ 

เราเหมือนคนที่สร้างความแปลกแยกให้กับมีครั้งหนึ่ง 13 พฤศจิกายน 2563ที่กลุ่มบุรีรัมย์ปลดแอกจัดงาน รำลึกผู้สูญหาย คือ ทุกคนในบุรีรัมย์ รวมไปทั้งตำรวจเขาจะมีภาพจำว่า ถ้ามีการจัดงาน จะมีเราเข้าร่วมจัดงานด้วย

ประมาณว่าวันนั้น จัดงานแล้วน้องๆ ที่จัด งานทำแสตนดี้รูปเราไปตั้ง เริ่มงานประมาณ 1 ชั่วโมงจะมีตำรวจเข้ามาถามว่าเราจะเข้างานตอนไหน จะมาปราศรัยตอนไหน และมีนอกเครื่องแบบเยอะมาก สรุปแล้วเราก็มาแค่แสตนดี้ ตัวเราก็อยู่ที่กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ก็งงๆ ไป (หัวเรา)

The Isaan Record : เรื่องอะไรที่อึดอัดที่สุดในตอนนี้ 

จตุพร : เรื่องการคุกคามนี่ละ ที่ทำให้เราอึดอัดที่สุดตอนนี้ เพราะเราเป็นห่วงทางบ้าน เราไม่อยากให้เขามารับผลกระทบที่เราออกมาเรียกร้อง ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่า มันเป็นราคาที่ต้องจ่าย ก็อย่างที่บอกว่า เราไม่อยากให้เขาเดือดร้อน

ถ้าจะเป็นอะไร เราออกมาเลย และเราก็ไม่ได้ติดต่อพ่อกับแม่อีกเลย เพื่อที่จะให้เขาต้องมาโดนอะไรแบบนี้ และเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2563ที่มีการติดป้ายประท้วงรัฐบาล มีการส่งตำรวจเข้าไปถามรุ่นพี่ที่ดูแลเราอยู่คนหนึ่งว่า เราได้เดินทางกลับมาติดป้ายหรือเปล่า หรือว่าเราส่งใครมาหรือเปล่า และมาถามหาเด็กในกลุ่มบุรีรัมย์ปลดแอกว่า เราสั่งให้ใครทำงานแทนอยู่ตอนนี้ในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งวันนั้นหนูอยู่ที่ ตชด. จ.ปทุมธานี ไม่ได้กลับไป 

“เราก็บอกไปว่า เราจะโดนอีกกี่คดี เราก็จะมีจตุพรอีกหลายๆ จตุพร คอยทำแทนเราอยู่ เอาง่ายๆ ว่าในกลุ่มไม่ได้มีเราคนเดียว ทุกคน คือ จตุพร ทุกคนพร้อมลุกขึ้นมาสู้” 

image_pdfimage_print