ศาลแขวงขอนแก่น นัดไต่สวน แกนนำทั้ง 7 คน คัดค้านการย้าย บขส. ขอนแก่น ศาลระบุ “ผิด พ.ร.บ. ชุมนุม ฯ ปี 2558” ด้านแกนนำรับสารภาพ 4 คน อีก 3 คนยืนยันต่อสู้คดี อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะสู้เพื่อปากท้องและชีวิตความเป็นอยู่

ขอนแก่น  – เช้าวันนี้ 21 เมษายน 2559 เวลา 9.30 น. ประชาชน, พ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบธุรกิจขนาดย่อยภายใน สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 จ.ขอนแก่น เดินทางมา ศาลแขวงจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้กำลังใจและรอฟังคำไต่สวนคดี 7 แกนนำผู้ชุมนุมกรณีคัดค้านการย้ายสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1  ซึ่งกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว (พ.ศ.2558) โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าการชุมนุมครั้งนี้ไม่มีการแจ้งล่วงหน้า และมีการกีดขวางทางเข้า – ออกสถานที่ราชการ

ซึ่งเนื้อหาของ พ.ร.บ. ดังกล่าวนี้พูดถึงการห้ามประชาชนรวมตัวชุมนุมเรียกร้อง คัดค้านหรือเดินขบวนในพื้นที่สาธารณะประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันหรือที่หน่วยงานของรัฐ โดย พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะฉบับนี้ ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติและมีผลบังคับใช้จริงตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2558 เป็นต้นมา ภายใต้รัฐบาล คสช.

กลุ่มผู้คัดค้านการย้ายสถานีขนส่งขอนแก่นจาก แห่งที่ 1 ไปแห่งที่ 3 รวมตัวปราศรัย และร้องเพลงสร้างขวัญกำลังใจหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2558

กลุ่มผู้คัดค้านการย้ายสถานีขนส่งขอนแก่นจาก แห่งที่ 1 ไปแห่งที่ 3 รวมตัวปราศรัย และร้องเพลงสร้างขวัญกำลังใจหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2558

การไต่สวนครั้งนี้ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง โดยได้ข้อสรุปจากการไต่สวนจาก นายทวีวัฒน์ อนันตรักษ์ 1 ในแกนนำที่ถูกฟ้องข้อหากระทำผิดตาม พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 กล่าวว่า ภาพรวมการไต่สวนในวันนี้ ศาลมีความเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาจริง ซึ่งทางอัยการสั่งฟ้องมาตรา 8 และมาตรา 10 ตามประมวลกฎหมายอาญา โดยแกนนำทั้ง 7 คน มีการกระทำผิดที่ต่างกรรมต่างวาระกัน เช่น แกนนำ 4 คนพร้อมผู้ชุมนุมไปชุมนุมกันที่สถานีขนส่งแห่งที่ 3 และบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ส่วนแกนนำอีก 3 คนพร้อมผู้ชุมนุม ไปชุมนุมกันที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่นที่เดียว

ก่อนการไต่สวนวันนี้ มีการไต่สวนกรณีนี้แล้วหนึ่งครั้ง โดยครั้งแรกแกนนำทั้ง 7 คนยอมรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริง แต่การนัดไต่สวนครั้งนี้ มีแกนนำ 3 คน บอกว่าตนไม่รับความเป็นธรรม จึงขอยืนยันต่อสู้คดีต่อไป กลุ่มแกนนำที่ขอต่อสู้คดีเนื่องจากเห็นว่า ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม

ศาลจึงเห็นว่าให้แยกฟ้องเป็นสองกลุ่มโดยแกนนำ 4 คนที่สารภาพยอมรับผิดก็เสียค่าปรับตามกฎหมาย ส่วนการตัดสินจำคุกก็ให้รอลงอาญา  ในส่วนของแกนนำ 3 คนที่ยืนยันจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด จะต้องรอศาลนัดไต่สวนในครั้งต่อไป

นายทวีวัฒน์ ยังให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ชุมนุม ฯ พ.ศ.2558 ว่า พ.ร.บ. ชุมนุม ฯ ดังกล่าวว่า เป็นการกีดกันสิทธิของประชาชนที่อยู่ภายใต้สิทธิมนุษยชน เพราะว่า หลัก พ.ร.บ. ชุมนุมฯ มีเป้าหมายเพื่อต้องการปรามในกรณีการชุมนุมทางการเมือง แต่การชุมนุมของพวกตนนั้นเกี่ยวกับเรื่องปากท้อง, ชีวิตความเป็นอยู่ ตนเป็นประชาชนคนทำมาหากินซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นจึงคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้ พ.ร.บ. นี้มาควบคุมประชาชนแบบนี้ ถ้าเป็นเรื่องการเมืองตนไม่เถียง ถ้าเป็นเรื่องปากท้อง, ความเป็นอยู่ของประชาชน ตนเห็นว่าไม่เหมาะสม

กรณีการชุมนุมคัดค้านการย้าย สถานีขนส่ง แห่งที่ 1 ไป แห่งที่ 3 เกิดขึ้นช่วงเดือนสิงหาคม 2558 โดยชุมชน บขส. ขอนแก่น, กลุ่มรักพัฒนา บขส. ขอนแก่น, เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค, เครือข่ายชุมชนริมทางรถไฟ 18 ชุมชน, เครือข่ายฟื้นฟูประชาสร้างสรรค์ 15 ชุมชน และเครือข่ายคนไร้บ้านขอนแก่น ประมาณ 600 คน รวมตัวเดินขบวนจากสถานีขนส่งจังหวัดขอนแก่น แห่งที่ 1 ไปยัง ศาลากลางจังหวัด เพื่อคัดค้านมติของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบก จังหวัดขอนแก่น ที่ให้ย้ายสถานีขนส่ง แห่งที่ 1 ไปรวมกับสถานีขนส่งจังหวัดขอนแก่น แห่งที่ 3 ภายในวันที่ 22 สิงหาคมที่เพิ่งผ่านมานั้น โดยทางเครือข่าย เสนอข้อเรียกร้องให้ยกเลิกมติดังกล่าว และให้เปิดใช้ทั้งสองสถานีคู่กัน หลังจากที่ทางคณะกรรมการฯ ได้มีมติให้ย้ายสถานีขนส่งแห่งที่ 2 ไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยทางผู้ชุมนุมให้เหตุผลว่า สถานีขนส่งแห่งที่ 3 ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเกือบ 10 กิโลเมตร จะสร้างความเดือดร้อน และเพิ่มภาระค่าเดินทางให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก อีกทั้งที่ตั้งปัจจุบันของสถานีขนส่งแห่งที่ 1 อยู่บริเวณศูนย์ราชการ และอยู่ใกล้กับโรงเรียนหลายแห่ง ซึ่งสะดวกกับผู้ที่ต้องการติดต่อราชการ นักเรียน และผู้โดยสารทั่วไปสามารถเดินทางต่อไปยังใจกลางเมืองด้วยบริการขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวกรวดเร็วกว่า

 

image_pdfimage_print