นครพนม – วันนี้ 26 มกราคม 2560 ศาลจังหวัดนครพนมอ่านคำพิพากษา สั่งยกฟ้องจำเลยทั้งหมด 29 รายข้อหา บุกรุก แผ้วถาง ที่สาธารณประโยชน์ “โคกภูกระแตบ้านไผ่ล้อม” เหตุชาวบ้านขาดเจตนาบุกรุกพื้นที่สาธารณะดังกล่าว ซึ่งภายหลังถูกประกาศเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนครพนม  หลังเลื่อนการนัดอ่านคำพิพากษามาตั้งแต่ปลายปี 2559


ทั้งนี้  เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2558 คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ได้มีประกาศฉบับที่ 2/2558 เรื่อง กำหนดพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ  โดยระบุให้ 13 ตำบลในอำเภอเมืองนครพนม และอำเภอท่าอุเทนเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม

ต่อมา เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2559 กนพ. ได้มีมติเห็นชอบให้ใช้ที่สาธารณประโยชน์ “โคกภูกระแต” ตั้งอยู่ที่บ้านห้อม หมู่ที่ 1 ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม กินเนื้อที่ 1,860 ไร่ เป็นนิคมอุตสาหกรรม ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนครพนม เพื่อสนับสนุนให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และภาคเอกชนเช่าพื้นที่ระยะยาว

ก่อนหน้านั้น  ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. 2557 เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ผู้ใหญ่บ้าน  รวมนับสิบนาย ได้เข้าตรวจสอบที่สาธารณประโยชน์ “โคกภูกระแต” ตามคำสั่ง คสช.ที่ 64/2557 และ 66/2557  และได้เชิญชาวบ้าน 14 ราย จำนวนเจ้าพบที่ดินจังหวัด ผู้ว่าและนายอำเภอ  ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาว่า บุกรุกแผ้วถางที่สาธารณประโยชน์  และผู้ต้องหาทั้ง 14 คน

ต่อมา ในวันที่ 18-22 ตุลาคม 2557 อำเภอเมืองนครพนม ร่วมกับ กอ.รมน.จังหวัดนครพนม มีหนังสือเรียกชาวบ้านในพื้นที่ทั้งหมด 284 รายโดยอ้างว่าได้ตรวจสอบพบว่า ชาวบ้านบุกรุกที่สาธารณประโยชน์จึงมีชาวบ้านทั้งหมด 256 รายยินยอมจะออกจากพื้นที่ และ 21 คนยืนยันจะไม่ออกจากพื้นโดยอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ   

นายอำเภอเมืองนครพนมจึงได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ให้ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ “โคกกระแตบ้านไผ่ล้อม” รวมทั้งหมดเป็น 21 ราย

บรรยากาศหน้าศาลจังหวัดนครพนม หลังศาลพิพากษาชาวบ้าน 29 ราย คดี บุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ ”โคกภูกระแตบ้านไผ่ล้อม”

พนักงานอัยการจังหวัดนครพนม จึงได้เริ่มทยอยยื่นฟ้องชาวบ้านต่อศาลจังหวัดนครพนม ในช่วงเดือนธันวาคม 2557 ถึง มกราคม 2558 โดยมีคำขอท้ายฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมาย และขอให้ศาลสั่งให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินซึ่งเข้าไปยึดถือครอบครอง พร้อมทั้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ศาลจังหวัดนครพนมได้สั่งให้รวมพิจารณาคดีเป็นคดีเดียวรวมจำเลยทั้ง 29 ราย นำมาสู่การเป็นคดีหมายเลขดำที่  3737/2557  

การนับสืบพยานโจทย์และพยานจำเลยดำเนินขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน 2559 และเดิมมีกำหนดนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 ธันวาคม 2559 แต่ศาลได้เลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีไปเป็นวันที่ 26 มกราคม 2560 เนื่องจากมีจำเลย 3 คนไม่สามารถเดินทางมารับฟังคำพิพากษาได้ จึงนำมาสู่การพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 29 รายในวันนี้ ด้วยเหตุที่จำเลยขาดเจตนาบุกรุก

นาย สมภพ โชติวงษ์ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและทนายความเจ้าของคดี  กล่าวถึงคำพิพากษาว่า

ศาลได้ยกประเด็นที่ตั้งแต่ปี 2539 รัฐบาลโดยพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ์ ได้ออกเอกสารหมาย “ล39” เพื่อให้แก้ปัญหาในที่ดินสาธารณะดังกล่าว ศาลจึงพิจารณาว่าจำเลยทั้ง 29 คนเข้าไปอยู่ในพื้นที่โดยไม่มีเจตนาบุกรุกที่ดิน จึงเป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง

ในของส่วนแนวทางปฏิบัติหลังมีคำพิพากษา นายสมภพ มองว่าในทางกฏหมายศาลไม่มีคำสั่งให้จำเลยทั้ง 29 คนย้ายออกที่ดินพิพาท ดังนั้นจึง ควรจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองที่จะต้องแก้ไขข้อพิพาทต่อไป

 

image_pdfimage_print