โดยดานุชัช บุญอรัญ ผู้เข้าอบรมโครงการอบรมนักข่าวภาคอีสาน ประจำปี 2560 ของเดอะอีสานเรคคอร์ด

มหาสารคาม – รักษาราชการแทนอธิการบดีมรภ.มหาสารคามตั้งคณะกรรมการสอบสวนการจัดกิจกรรมรับน้องที่อาจมีสิ่งไม่เหมาะสม พร้อมยอมรับว่ามีระบบทรานสคริบกิจกรรมที่นักศึกษาต้องได้คะแนนครบจึงจะเรียนจบโดยให้ผู้นำนักศึกษาเป็นผู้ให้คะแนนรุ่นน้อง ขณะที่รุ่นพี่สาขาดนตรีระบุ ไม่ได้บังคับให้นักศึกษาปีหนึ่งเข้าร่วมกิจกรรม

นายวุฒิพล ฉัตรจรัสกูล รักษาราชการแทนอธิการบดี มรภ.มหาสารคาม แถลงข่าวตั้งคณะกรรมการสอบสวนนักศึกษารุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมรับน้องที่อาจขัดระเบียบมหาวิทยาลัย

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2560 นายวุฒิพล ฉัตรจรัสกูล รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม แถลงข่าวถึงการสอบสวนการจัดกิจกรรมรับน้องของนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ว่า หลังทราบเรื่องเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา ตนได้เรียกนักศึกษาและบุคลากรที่เกี่ยวข้องเข้ามาพูดคุย  และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อลงโทษทางวินัยต่อนักศึกษาที่จัดกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งจะทราบผลภายใน 7 วัน ตามระเบียบ ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจะมีบทลงโทษตั้งแต่ตักเตือนจนถึงขั้นให้พ้นสภาพนักศึกษา  

ส่วนแนวทางการจัดกิจกรรมรับน้องนั้น นายวุฒิพลกล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีนโยบายให้จัดกิจกรรมรับน้องเชิงสร้างสรรค์มาหลายปีแล้ว แต่ยังมีการแอบบิดเบือนกิจกรรมด้วยความคึกคะนองของตัวนักศึกษาเอง จากนี้มหาวิทยาลัยจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบให้เข้มข้นขึ้นเพื่อไม่ให้มีการจัดกิจกรรมที่ไม่ได้รับการอนุมัติจากมหาวิทยาลัย

แถลงการณ์มรภ.มหาสารคามแสดงความเสียใจต่อกิจกรรมรับน้อง

สำหรับประเด็นที่มีผู้กล่าวว่ารุ่นพี่ใช้ข้ออ้างจากระบบกิจกรรมเพื่อบังคับให้รุ่นน้องเข้าร่วมนั้น  นายวุฒิพลอธิบายว่า มหาวิทยาลัยมีระบบทรานสคริปกิจกรรมจริง โดยในการขออนุมัติจบการศึกษา นักศึกษาจะต้องมีชั่วโมงการเข้าร่วมกิจกรรมครบถ้วนตามที่ระบบกำหนด ในส่วนของวิธีการบันทึกชั่วโมงกิจกรรมนั้น นักศึกษาทุกคนจะมีสมุดกิจกรรมหนึ่งเล่มไว้เพื่อยืนยันการเข้าร่วมของตน

รักษาราชการอธิการบดี มรภ.มหาสารคามยอมรับว่า กลุ่มผู้นำนักศึกษาจะมีหน้าที่ลงลายมือรับรองการเข้าร่วมชั่วโมงกิจกรรม ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นช่องว่างที่รุ่นพี่นำไปใช้บังคับรุ่นน้องให้เข้าร่วมกิจกรรมที่ทางรุ่นพี่จัดขึ้น แต่ตนขอยืนยันว่าการจัดกิจกรรมของมหาวิทยาลัยทุกครั้ง นอกจากกลุ่มผู้นำนักศึกษาแล้ว ยังได้มีการมอบหมายให้อาจารย์และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง คอยกำกับดูแลขั้นตอนในการบันทึกชั่วโมงกิจกรรมอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่จะมีการใช้ระบบของทางมหาวิทยาลัยเพื่อบังคับให้นักศึกษารุ่นน้องเข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่ถูกต้อง

“ไม่อยากให้โทษว่าการทำกิจกรรมทั้งหมดเป็นปัญหา เพราะมหาวิทยาลัยเชื่อว่าทุกกิจกรรมที่เราจัดขึ้นมีประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อตัวนักศึกษาเอง เพียงแต่ต้องไม่มีการบิดเบือน และดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปอย่างถูกต้องเท่านั้น” นายวุฒิพลกล่าว

นายสิทธิโชค จันนามอม นายกองค์การนักศึกษา มรภ.มหาสารคาม ร่วมแถงข่าวกับรักษาราชการแทน อธิการบดี โดยนักศึกษารุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมขอโทษและยอมรับผิด

เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊คแหม่มโพดำได้เผยแพร่คลิปวีดีโอและภาพกิจกรรมการรับน้องของนักศึกษา สาขาดนตรี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มรภ.มหาสารคาม ซึ่งปรากฏภาพ นักศึกษารุ่นน้องกระโดดลงบ่อโคลน นักศึกษาผูกผ้าคาดตา ถอดเสื้อ เดินลุยโคลน และการให้นักศึกษากินของเหลวที่มีลักษณะคล้ายสิ่งปฏิกูล  

ขณะที่เพจเฟซบุ๊คแอนตี้โซตัส  ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอเหตุการณ์ซึ่งระบุว่าเป็นการรับน้องของสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกัน โดยเป็นภาพการให้รุ่นน้องผู้ชายนอนเรียงแล้วล้วงมือเข้าไปจับอวัยวะเพศของคนอื่น และมีภาพการนำนมข้นมาราดบนตัวของรุ่นน้องแล้วให้เพื่อนเลียหัวนม

ก่อนหน้าที่การแถลงข่าวของรักษาราชการแทนอธิการบดี มรภ.มหาสารคาม นายวอ (นามสมมุติ) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์ฯ มรภ.มหาสารคาม หนึ่งในกลุ่มรุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมดังกล่าวบอกว่า กิจกรรมดังกล่าวคือกิจกรรมพิสูจน์สายรหัส ซึ่งจัดขึ้นปีละครั้ง ในช่วงเช้าพวกตนนำนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งร่วมทำบุญตักบาตร และร้องเพลง เล่นดนตรี ช่วงบ่ายตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.00 น. เป็นกิจกรรมภาคสนาม

การรับน้องภาคสนามแบ่งเป็นฐานต่างๆ โดยการให้รุ่นน้องปิดตาเดินจูงมือกัน แต่ละฐานมีรุ่นพี่แกล้งป้อนของเหลวเข้าปากน้อง แกล้งป้อนขนมปังใส่กะปิ  จนมาถึงจุดที่ให้กระโดดบ่อโคลน  และให้รุ่นน้องเดินไปรายงานตัวยังจุดสุดท้ายซึ่งมีรุ่นพี่ปีสองถึงสี่จะมอบสายรหัสให้รุ่นน้องปีหนึ่ง

นายวอกล่าวว่า รุ่นพี่ไม่ได้บังคับให้รุ่นน้องเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว สมัยตนเองอยู่ปีหนึ่งก็เข้าร่วมเพียงแค่สองฐาน และขอถอนตัวจากการเข้าฐานอื่นๆ ที่เหลืออยู่  สำหรับของเหลวที่ป้อนให้รุ่นน้องทำมาจากฟักทองบดผสมน้ำปลาร้าหรือกะปิ   ของทั้งหมดซื้อมาจากตลาดมีจุดประสงค์เพียงเพื่อการสันทนาการและสร้างเสียงหัวเราะเท่านั้น

นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ผู้นี้กล่าวอีกว่า รุ่นน้องไม่ได้กินอาหารที่ป้อนให้เพราะเมื่อรุ่นน้องถูกป้อนของเหลวเข้าปากก็จะคายออกมาทุกคน และที่ผ่านมาก็ไม่มีใครเจ็บป่วยจากการเข้าร่วมกิจกรรม ทั้งนี้การจัดกิจกรรมแต่ละครั้งก็จะมีทีมพยาบาลคอยดูแลภายในบริเวณที่จัดกิจกรรม แต่ตนยอมรับว่า รุ่นพี่บางคนอาจสนุกเกินไปจึงทำให้มีภาพที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้น

“รับน้องแบบนี้มีมานาน ก็คิดกันว่าออกแนวขำๆ มากกว่า แต่เมื่อสังคมมองว่ามันรุนแรง เราก็พร้อมที่จะรับฟังและแก้ไข สำหรับใครจะมาสังเกตการณ์พวกเราก็ยินดี จัดกันที่หลังคณะนี่เองใครผ่านไปผ่านมาก็เห็น ไม่ได้ทำกันลึกลับอะไร” นายวอกล่าว

นายซอ (นามสมมุติ) นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาดนตรี กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมพิสูจน์สายรหัสในครั้งนี้ ยอมรับว่ารู้สึกเหนื่อย แต่ก็สมัครใจเข้าร่วม ตนคิดว่ากิจกรรมต่างๆ ที่รุ่นพี่จัดไว้ให้ ไม่ต่างกับกิจกรรมการเข้าค่ายลูกเสือสมัยเรียนหนังสือชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น  

ควีน (นามสมมุติ) ผู้ดูแลเพจเฟซบุ๊ค “แหม่มโพดำ” เปิดเผยว่า เหตุที่เพจเลือกนำเสนอประเด็นของการรับน้องของนักศึกษา มรภ.มหาสารคาม เนื่องมาจากภาพการยัดของเหลวเข้าปาก มีลักษณะน่ารังเกียจ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกสุขอนามัย การรับน้องลักษณะนี้เป็นปัญหาเรื้อรังของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ตนจึงคิดว่าควรนำภาพมาเผยแพร่เพื่อให้สังคมรับรู้และเกิดการวิพากษ์วิจารณ์

ควีนกล่าวอีกว่า สิ่งที่เพจ “แหม่มโพดำ” คาดหวังมากที่สุดคือการปรับปรุงและแก้ไข เมื่อเรื่องกระจายออกไปสู่วงกว้างและถูกตำหนิอย่างรุนแรง ก็หวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นการรับน้องเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น

“หลังจากเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว มหาวิทยาลัยควรจะควบคุมเด็กมากขึ้น ควีนรู้ว่าไม่มีใครอยากให้สถาบันที่ตัวเองรักถูกด่าทอและตำหนิหรอกค่ะ  แต่ถ้าไม่อยากให้คนด่าก็ต้องทำให้มันถูกต้อง” ควีนกล่าว

 

image_pdfimage_print