เลย – จดหมายข่าวเครือข่ายเหมืองแร่เมืองเลยระบุว่า เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 บริเวณแยกกำแพงใจ หมู่บ้านนาหนองบง ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านจังหวัดเลย ได้จัดประชุมร่วมกับตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปก่อนห้างหุ้นส่วนจำกัด สตีล ปราจีนบุรีจะขนสินแร่ครั้งที่ 2 ซึ่งได้รับประมูลทั้งหมด 190 ถุง

รจนา กองแสน ตัวแทนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านจังหวัดเลย กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากอุตสาหกรรมจังหวัดว่า แร่ที่จะขนมีน้ำหนักเพิ่มจำนวน 20 ตัน ทั้งที่บริษัทต้องขนทั้งหมด 184 ตัน ซึ่งรอบแรกได้ขนไปแล้ว 88 ตัน 

บริษัทเอกชนส่วนเกินเป็นความชื้น 

ทองแดง ทองไหม ตัวแทนจาก ห้างหุ้นส่วนจำกัดไขนภา สตีล (ปราจีนบุรี) ชี้แจงว่า แร่ที่เกินนั้นอาจจะเกินจากความชื้นของการเก็บแร่และน้ำหนักของกระสอบที่นำมาใช้ขน บริษัทฯ ทั้งที่ไม่ได้มีการยักย้ายถ่ายเทแร่ 

แต่รจนา ตัวแทนเห็นแย้งว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ระบุในเอกสารชัดเจนว่า น้ำหนักของแร่ทั้งหมด 190 ถุงมีจำนวนน้ำหนัก 272.25 ตัน ดังนั้นเจ้าหน้าที่อย่างกระทรวงอุตสาหกรรมและกรมบังคับคดีจะต้องหาทางออกในเรื่องนี้ให้ได้

ตัวแทนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านจังหวัดเลยร่วมฟังการชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีสินแร่ส่วนเกิน เครดิตภาพ – เครือข่ายเหมืองแร่เมืองเลย

อุตสาหกรรมฯ ให้จ่ายเงิน 7 หมื่นบาท

มานิตย์ นวลพลับ หัวหน้ากลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเมืองแร่ อุตสาหกรรมจังหวัดเลย จึงชี้แจงว่า จำนวนแร่ที่เกินมา เกินมาเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น ตามหลักของอุตสาหกรรมจังหวัดถือว่า เป็นการเกินขึ้นมาด้วยสัดส่วนที่ไม่มาก จึงขอเสนอให้เก็บค่าภาคหลวงจากสินแร่ที่เกินขึ้นมาจำนวน 70,000 กว่าบาทกับบริษัทเอกชน 

ขณะที่ตัวแทนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดแย้งว่า หากเก็บค่าภาคหลวงก็จะต้องจ่ายค่าประมูลในส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมาด้วย เพราะหากจ่ายแค่ค่าภาคหลวงอย่างเดียวเงินที่ได้ก็จะไม่ตกถึงชาวบ้านและเจ้าหนี้รายอื่นๆ ที่เป็นผู้เสียหาย

ระหว่างนั้นตัวแทนของบริษัทเอกชนได้แสดงอาการไม่พอใจ พร้อมทั้งระบุว่า จะจ่ายแค่ภาคหลวง จะไม่จ่ายค่าประมูลเพิ่ม เนื่องจากได้ทำการประมูลเหมาเป็นจำนวน 190 ถุง ไม่ได้ประมูลเป็นน้ำหนักของสินแร่ 

ตัวแทนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านจังหวัดเลยร่วมติดตามการขนแร่รอบ 2 ของห้างหุ้นส่วนจำกัดไขนภา สตีล (ปราจีนบุรี) เครดิตภาพ – เครือข่ายเหมืองแร่เมืองเลย

ประมูลเหมาเป็นถุง ไม่ได้เป็นตัน 

ขณะที่สายพิรุณ วัฒนวงศ์สันติ ผู้อำนวยการสำนักบังคับคดีจังหวัดเลย ได้นำเอกสารมาอ่านให้ชาวบ้านฟังถึงข้อกำหนดที่เขียนไว้ในเอกสารประมูลว่า เป็นการประมูลแบบเหมาถุง 190 ถุง ไม่ได้ระบุน้ำหนักของแร่ในแต่ละถุง 

“ทางกรมบังคับคดีไม่ได้สนใจน้ำหนักที่อยู่ในถุง แต่สนใจจำนวนถุงที่ขายเหมาให้กับบริษัทเอกชนจำนวน 190 ถุง”ผอ.สำนักบังคับคดีจังหวัดเลย กล่าว 

ท้ายสุดการประชุมได้ข้อสรุปว่า ให้ทั้งสองฝ่ายร่างบันทึกข้อตกลงร่วมกันว่า จำนวนแร่ได้เกินกว่าที่ประมูลมา 20 ตัน โดยส่วนเกินนั้นบริษัทจะจ่ายเป็นค่าภาคหลวง 71,447.35 บาท โดยจะไม่จ่ายค่าประมูล

จากนั้นจึงเริ่มขนสินแร่ที่เหลือ ที่อยู่บริเวณโรงแต่งแร่ ซึ่งทางชาวบ้านได้ขอให้บริษัทขนย้ายอุปกรณ์และนำคนงานออกจากเหมืองทันที หลังจากขนสินแร่แล้วเสร็จ โดยบริษัทเอกชนยินดีที่จะปฏิบัติตาม 

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563  ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไขนภาสตีล (ปราจีนบุรี) ได้เข้าประมูลสินแร่จำนวน 190 ถุง ในราคา 8,240,000 บาท ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากศาลได้พิพากษาให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบเหมืองแร่ทองคำในอำเภอวังสะพุง จ.เลย มีสถานะล้มละลายและให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยกรมบังคับคดีได้ตีตรายึดทรัพย์สินของบริษัท และได้ประกาศขายทอดตลาดสินแร่ โดยได้เริ่มขนย้ายสินแร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา 

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม 

กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดห่วงความรุนแรง

กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดอดีตผู้ใหญ่บ้านยิงปืนขู่กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด

image_pdfimage_print