อรนุช ผลภิญโญ เรื่องและภาพ
กรงเทพฯ – หลังตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) ได้เข้าพบตัวแทนรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระหว่างวันที่ 13-15 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อพูดคุยและหาทางออกใน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของกลุ่ม P-Move 2. กรณีคดีความ 15 คดี และ 3. ความเดือดร้อน 66 กรณี ทั้งผู้ได้รับผลกระทบจากป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ และป่าชายเลน
หลังการพูดุคย วิชชุนัย ศิลาศรี แกนนำชาวบ้านชุมชนบ่อแก้ว อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับนพดล พลเสน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์เป็นประธาน และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรณีความเดือดร้อนเรื่องที่ดิน 66 กรณี ความเดือดร้อนของชุมชนบ่อแก้วที่ถูกสวนป่าคอนสารทับที่ทำกินเป็น 1 ใน 66 กรณี ซึ่งชาวบ้านเรียกร้องให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ส่งมอบพื้นที่สวนป่าคอนสาร เพื่อนำมาจัดสรรให้แก่ชาวบ้าน ตามที่ได้มีการพูดคุยกับกัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาทีมทำงานยุทธศาสตร์รัฐมนตรีฯ ก่อนหน้านี้
“ตัวแทน ออป. ได้แจ้งในที่ประชุมทราบว่า บอร์ด ออป. เห็นชอบส่งมอบพื้นที่ที่เหมาะสมจำนวน 366 ไร่ ให้กรมป่าไม้เพื่อนำมาจัดสรรแก่ชาวบ้านชุมชนบ่อแก้วแล้ว” แกนนำชาวบ้านชุมชนบ่อแก้วเปิดเผยและว่า “ชาวบ้านยืนยันว่าต้องจัดหาพื้นที่จำนวน 812 ไร่ ตามที่ตกลงไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งที่ประชุมไม่มีข้อโต้แย้ง”
สำหรับความเดือดร้อนของกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมจำนวน 89 เรื่องนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อทำหน้าที่ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงาน โดยมีสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีร่วมเป็นคณะทำงาน
ภายหลังการเจรจาแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้พบปะพูดคุยกับกลุ่ม P-Moveและลงนามแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยให้มีการรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาทุก 15 วัน
ก่อนหน้านี้ชาวบ้านบ่อแก้ว อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิจำนวน 31 คน ถูกบังคับคดีตามคำสั่งศาลฎีกาที่ตัดสินว่า ชาวบ้านบุกรุกที่ดินเขตป่าสงวนภูซำผักหนามจำนวนกว่า 1,500 ไร่ ซึ่งต่อมาได้มีการเจรจากับคณะทำงานยุทธศาสตร์ของกระทรวงทรัพย์ฯ และมีแผนจัดการที่ดิน 830 ไร่ให้กับชุมชน แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ที่ดิน 90 ไร่ เป็นโฉนดชุมชน ที่ดิน 60 ไร่ เป็นพื้นที่สาธารณะ และที่ดิน 680 ไร่ จัดสรรให้ 131 ครัวเรือน (จะได้สิทธิ์ครัวเรือนละ 5 ไร่)