วีระวรรธ์ สมนึก เรื่อง
ร้านอาหารขนาด 20 โต๊ะวันนี้ดูเวิ้งว้าง ขณะที่จอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่หน้าร้านยังคงฉายหนังเพื่อสร้างความบันเทิงให้ลูกค้าที่รับประทานอาหารอย่างต่อเนื่อง
ทว่าค่ำคืนนี้ร้าน Time 90 ร้านอาหารกึ่งผับในซอยรื่นรมย์กลับร้างไร้ผู้คน แม้ย่านนี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนสำคัญของจังหวัดขอนแก่น เพราะมีโรงแรมระดับ 5 ดาว ขนาบข้างถึง 3 แห่ง ถือเป็นทำเลทองสำหรับธุรกิจที่สร้างความบันเทิงให้กับนักท่องเที่ยว แต่วินาทีนี้ ถนนแห่งความรื่นรมย์นี้แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด
“ช่วง 14 วัน ไม่ต้องออกมาเที่ยวก็ได้ค่ะ พักบ้างก็ได้ เพราะทุกคนก็กลัวหมด แม้แต่เราเองก็ยังกลัวเลย” ประวีณา ศรีบุญมี พนักงานเชียร์เบียร์ วัย 26 ปีของร้าน Time 90 กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
แม้ในใจเธอจะหวาดผวากับการระบาดของเชื้อโรคโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่ปากท้องของเธอและครอบครัวที่ต้องถมให้เต็ม ก็ทำให้เธอยังต้องออกมาทำงาน แต่ป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัยและใช้เจลล้างมือบ่อยๆ
มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นมาตรการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้ออกมาเพื่อปิดสถานบันเทิง สถานศึกษา โรงมหรสพ ฯลฯ รวมถึงแหล่งรวมตัวเพื่อทำกิจกรรมของผู้คน ได้แก่ สนามชนไก่ สนามกีฬา ฯลฯ เป็นเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 18-31 มีนาคม 2563 และประกาศเพิ่มจากวันที่ 23 มีนาคม – 12 เมษายน 2563 เพื่อเป็นหนทางลดการแพร่เชื้อโรคร้าย
ประวีณา เป็นพนักงานเพียงไม่กี่คนในร้าน “Time 90” ที่ยังมาทำงานอยู่วันนี้ เธอทำงานที่ร้านอาหารแห่งนี้เป็นงานเสริมเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว โดยทำสลับอีกอีกร้านแห่งหนึ่ง
“ก่อนหน้านี้ บนถนนรื่นรมย์มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ลูกค้าจะเริ่มเข้าตั้งแต่เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป แต่ตอนนี้บรรยากาศเงียบเหงา แทบไม่มีลูกค้า” เธอกล่าวพร้อมหันหน้าไปมองบรรยากาศในร้านที่ตอนนี้ไม่มีผู้คน
เธอนั่งห่างจากผู้สัมภาษณ์ประมาณ 1 เมตร ซึ่งอาจจะน้อยกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้เว้นระยะห่างจากผู้คนประมาณ 2 เมตร เพื่อลดการแพร่เชื้อ แต่เธอใส่หน้ากากอนามัย อย่างน้อยก็ป้องกันตัวเอง
“ระหว่างร้านเจ๊งกับโควิด เรากลัวโควิด-19 มากกว่าตอนนี้ ทั้งขาดรายได้และกลัวโรค ตอนเห็นข่าวคนขอนแก่นติดเชื้อโควิด-19 คนแรกก็กลัวเลย ทางบ้านก็โทรมาบอกว่าไม่ทำได้ไหม เพราะเขาเป็นห่วง แต่เรายังต้องทำ เพราะต้องจ่ายค่าห้องและค่าใช้จ่ายอื่นๆ” เธอกล่าวพร้อมกับรินเครื่องดื่มให้ผู้สัมภาษณ์
ไม่ว่ามาตรการนี้จะช่วยชะลอการแพร่ระบาดของโรคได้มากน้อยเพียงใด แต่ในทางตรงกันข้ามกลับส่งผลต่อรายรับรายจ่ายของคนในพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด
เราน่าจะรอดจากเชื้อโควิด-19
ร้าน Time 90 เป็นร้านอาหารกึ่งผับบนถนนรื่นรมย์ที่เจ้าของร้านเพิ่งเซ๊งร้านต่อจากเจ้าของคนเดิมได้เพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น แต่เจ้าของคนใหม่กลับต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยที่ไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อน
เจ้าของร้านย้อนเล่าถึงช่วงเปิดร้านใหม่ๆ ที่ทำให้เขามีความหวังว่าธุรกิจร้านอาหารแห่งนี้จะไปรอด ว่าก่อนหน้านี้คนเข้าร้านตลอด แต่หลังจากวันที่ 18 มีนาคมเป็นต้นมาลูกค้าก็น้อยลงผิดปกติ
“เราน่าจะอยู่ได้ หากคนเริ่มรู้ว่าร้านเปิด คนน่าจะเยอะขึ้น แต่ต้องมีมาตรการเกี่ยวกับความสะอาด” เจ้าของร้าน Time 90 ตอบคำถามถึงความอยู่รอดของธุรกิจ
อย่างไรก็ตามร้านอาหารกึ่งผับแห่งนี้ต้องเลิกจ้างพนักงานบางคนชั่วคราว อย่างนักดนตรีที่เคยมาเล่นวันละ 3 วง ก็ต้องงดไปโดยปริยาย
ชะตากรรมการถูกเลิกจ้างชั่วคราวนี้อาจรวมไปถึงแม่ครัว แคชเชียร์ บาร์น้ำ ผู้จัดการ พนักงานเสิร์ฟ และพนักงานเชียร์เบียร์ ทั้งหมดแล้ว 11 คน
ร้านเบียร์คราฟต์ยอมรับการขาดทุน
ร้านอาหารกึ่งบาร์ในจังหวัดขอนแก่นมีชะตากรรมไม่ต่างกัน หลังจากการประกาศมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด แทบทุกร้านก็ได้รับผลกระทบอย่างถ้วนหน้า
“Let It Beer” เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์อีกแห่งหนึ่งที่เน้นขายเครื่องดื่มประเภทคราฟต์เบียร์ บนถนนกังสดาลที่รับไม่ผลกระทบไม่ต่างกัน
“ถามว่าได้เตรียมการอะไรไหม ก็ไม่ได้เตรียม และเห็นด้วยที่ต้องช่วยกัน”ภูริพงศ์ สุทธิโสทพันธ์ เจ้าของร้านวัย 34 ปี กล่าวถึงมาตรการปิดสถานบันเทิง 14 วัน ของผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
เจ้าของร้านอาหารกึ่งบาร์รายนี้กล่าวอีกว่า ตอนนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะร้านมีแต่เบียร์สด จะเก็บได้เพียง 3-7 วัน ถ้าอยู่ในตู้อาจอยู่ได้ 15 วัน หากจะประชาสัมพันธ์ให้คนมา อาจเป็นการเชิญชวนคนให้มารวมตัวกันอีก
“ผมจำใจยอมขาดทุน สาเหตุที่ยังเปิดอยู่ตอนนี้ เพราะเห็นใจพนักงานครัว เขามีรายได้ทางเดียว ถ้ายังเปิดก็จะทำให้เกิดการรวมตัวกัน ในสำนึกความเป็นพลเมือง เราก็อาจจะรู้สึกผิดว่า เราปล่อยให้มีสถานที่ที่ให้เขามารวมตัวกัน” ภูริพงศ์กล่าวและเสนอว่า “ผมอยากให้สุดโต่งไปเลย คือ ทุกคนกักตัวเอง ไม่ต้องออกไปไหนน่าจะได้ประโยชน์ที่สุด”
“เดลิเวรี่” ทางรอดร้านอาหารยุคโควิด-19 ระบาด
ส่วน ณัฐณิชา กุลศรี ผู้จัดการร้านวัย 35 ปี เจ้าของร้าน “เชย เชย” ร้านอาหารย่านถนนกังสดาล จ.ขอนแก่น แสดงความเห็นด้วยกับมาตรการที่รัฐบาลประกาศปิดแหล่งแพร่เชื้อ
“ถ้ายังเปิดร้านอยู่ ก็ต้องไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป และติดตามข้อมูลข่าวสารเพื่อป้องกันตัวเอง พนักงาน และลูกค้า” เจ้าของร้านวัย 35 ปีกล่าวอย่างมุ่งมั่น
ร้านอาหารแห่งนี้มีพนักงานรวมกัน 5 คน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่มาทำงานนอกเวลา
“เมื่อต้องปิดร้าน เราอาจจะเปิดแต่ครัว แล้วจะขยับไปทำอาหารส่งเดลิเวรี่แบบเต็มตัว” เธอเล่าถึงทางรอดของการทำธุรกิจร้านอาหาร
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศกำหนดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยข้อกำหนดข้อที่ 12 เรื่อง นโยบายยังคงให้เปิดสถานที่ทำการ ระบุให้ร้านอาหาร (ในส่วนที่ไม่ใช่สถานบันเทิงหรือสถานบริการ) และแผงจำหน่ายอาหาร จะสามารถเปิดจำหน่ายได้ตามปกติ แต่ผู้บริโภคจะต้องซื้อไปบริโภคนอกสถานที่
รวมทั้งบริการส่งสินค้าและอาหารตามสั่ง (online delivery) ยังคงประกอบกิจการต่อไปได้ตามปกติเพื่อความสะดวกและความเป็นอยู่ตามปกติของประชาชน ทำให้ร้านค้าและร้านอาหารหลายแห่งหันมาใช้บริการออนไลน์และจัดให้มีการบริการส่งอาหารถึงที่มากขึ้น
ด้านสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ที่เป็นผู้ออกมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อโรคโควิด-19 ตามมติคณะรัฐมนตรี กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจโดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจบริหารว่า ธุรกิจได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน เพราะถือเป็นสถานการณ์ใหม่ที่ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้
หอการค้าขอนแก่นสร้างแอพพลิเคชั่นช่วยผู้ประกอบการ
ทั้งเว็บไซต์หอการค้าจังหวัดขอนแก่นได้เผยแพร่มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และข้อมูลสถาบันการเงินในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 ว่าเป็นความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้ธุรกิจ ทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ หรือ SME อยู่รอด
ส่วนกมลพงศ์ สงวนตระกูล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางหอการค้าจังหวัดขอนแก่นประชุมร่วมกับชมรมร้านอาหาร ชมรมหอพัก และภาคธุรกิจอื่นๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานสาธารณสุขของจังหวัดขอนแก่น เป็นความร่วมมือกับศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่นเพื่อทำแอพพลิเคชั่นชื่อ KhonKaen Stop COVID-19 โดยให้สถานประกอบการต่างๆ ตรวจสอบว่า ร้านของตัวเองได้มาตรฐานด้านสาธารณสุขหรือยัง
“ถ้าร้านไหนได้มาตรฐานผ่านการรับรองจากสาธารณสุข ก็จะได้ป้ายสีเขียวและจะลิงค์บนกูเกิลว่าร้านนั้นปลอดภัยจากเชื้อโควิด” ประธานหอการค้ากล่าวถึงแนวทางในการฟื้นตัวสำหรับสถานประกอบการต่างๆ หลังผ่านพ้นวิกฤตการระบาดของเชื้อโรคโควิด-19
เขายังกล่าวอีกว่า ทางหอการค้าและสภาอุตสากรรมจังหวัดขอนแก่นยังได้หามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการระหว่างที่จังหวัดขอนแก่นปิดสถานประกอบการชั่วคราว โดยแบ่งเป็น 2 แนวทาง ได้แก่ 1. มาตรการสำหรับผู้ประกอบการว่าควรทำอย่างไรที่จะยืดระยะเวลาการชำระหนี้และเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้ และ 2. พนักงาน ลูกจ้างที่ไม่มีงานทำในช่วงนี้จะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไร ขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้ออกมาตรการช่วยเหลือทั้ง 2 กลุ่มแล้ว
ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่นกล่าวทิ้งท้ายว่า “คนขอนแก่นมีข้อดีอย่างหนึ่ง คือ มีความร่วมมือร่วมใจกัน ผมก็หวังว่า เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้และกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว”