เมื่อวานนี้ (8 พฤศจิกายน 2563) กลุ่มประชาชนที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มราษฎร 2563” ได้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรุงเทพฯ ก่อนจะเคลื่อนพลไปยื่นสาส์นต่อสำนักงานพระราชวัง เพื่อถวายต่อในหลวงรัชกาลที่ 10 ทำให้เกิดเหตุปะทะขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ได้นำรถฉีดน้ำแรงดันสูงมาฉีดผู้ชุมนุมทำให้เกิดการกระทบกระทั่ง
ทั้งนี้ The Isaan Record ได้รวบรวมสาส์นถึงในหลวงที่สำคัญๆ ของแกนนำคนสำคัญ 3 คน ได้แก่ 1.อานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน 2.จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน นักกิจกรรมทางการเมือง และ 3.ทิวากร วิถีตน ผู้ถูกควบคุมตัวไปโรงพยาบาลจิตเวช หลังจากโพสต์ภาพที่มีข้อความว่า “เราหมดศรัทธาต่อสถาบันกษัตริย์แล้ว”
นี่คือ สาส์น 3 ฉบับที่ทีมงาน The Isaan Record ได้รวบรวมจากเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวของทั้ง 3 คน
สาส์นของ “อานนท์ นำภา”
เรียน ในหลวงวชิราลงกรณ์
ขณะที่ท่านได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ขอให้ท่านทราบว่า ราษฎรเรือนแสนเรือนล้านก็กำลังเขียนจดหมายถึงท่านเช่นกระผมตอนนี้ และนี่คือเสียงของพวกเราผู้เป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง
นับแต่ท่านได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากในหลวงภูมิพล พวกเราเหล่าราษฎรได้ติดตามด้วยความหวังว่าสถาบันกษัตริย์ภายใต้การนำของท่านจะปรับตัวให้เข้ากับสังคมสมัยใหม่ ร่วมสร้างสังคมที่เคารพสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียม เป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุขของรัฐภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง สามารถเชิดหน้าชูตาตาต่อนานาอารยะประเทศ แต่การก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ นับแต่ท่านได้ขึ้นครองราชย์ ท่านได้ก้าวล่วงและละเมิดต่อหลักการประชาธิปไตยที่อนุญาตให้มีกษัตริย์เป็นประมุขในหลายประการ เช่น การสั่งให้แก้รัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติแล้ว การแก้ไขกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตนของท่าน การรับเอาเงินภาษีของพวกเราไปใช้อย่างเกินความจำเป็น รวมทั้งความเคลือบแคลงต่อการละเมิดสิทธิของราษฎรในหลายกรณี ซึ่งการกระทำเช่นนี้นับว่าร้ายแรงอย่างยิ่งเพราะถือเป็นการขยายอำนาจจนเกินกว่าที่ระบอบอนุญาตให้ท่านทำได้ พวกเราเหล่าราษฎรเฝ้ามองปรากฏการณ์นี้มานานจนกระทั่งความไม่พอใจ ความคับแค้นใจได้ประทุขึ้นในห้วงเวลานี้ ดังที่ท่านคงทราบดี
พวกเราเหล่าราษฎรได้ร่วมกันชุมนุมหลายคราวเพื่อสื่อสารและส่งสาส์นไปยังท่าน ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อหวังให้ท่านปรับปรุงตนและกลับมาเป็นกษัตริย์ของพวกเราทุกคนตามที่ระบอบกำหนดไว้ แต่ท่านก็ไม่มีท่าทีที่จะปรับตนแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับพยายามแสดงออกถึงความไม่พอใจในความเคลื่อนไหวครั้งนี้ รวมทั้งพยายามแสดงออกให้พวกเรากลายเป็น “ราษฎรอื่น” ในสายตาท่านไปเสีย เช่น การยอมให้พลเอกประยุทธ์กับพวกอ้างท่านในการละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ การส่งเสริมให้ท้ายแก่ราษฎรอีกฝ่ายให้คุกคามพวกเรา รวมทั้งการไม่แยแสต่อข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการใช้อำนาจที่ไม่สอดคล้องกับ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข”
กระผมขอเรียนต่อท่านด้วยความเคารพและอย่างจริงใจว่า หากปล่อยให้สถานการณ์ความขัดแย้งนี้ล่วงเลยไปโดยไม่มีการแก้ไข สังคมนี้คงเดินสู่หายนะเป็นแน่ และที่สุดแล้วความเสียหายที่จะเกิดขึ้นคงเกินจะเยียวยา
แน่นอนว่าในการแสดงออกของราษฎรครั้งนี้ อาจมีการล่วงเกินท่านไปบ้างในหลายครา กระผมขอน้อมรับความผิดพลาดและโทษทัณฑ์ถ้าหากมี แต่อยากให้ท่านมองมันเป็นแค่กระพี้ เพราะแก่นของการแสดงออกของพวกเราในคราวนี้คือความหวังดีที่อยากให้บ้านเมืองเป็นอารยะ ราษฎรมีสิทธิเสรีภาพเสมอภาคกัน มุ่งหมายให้สถาบันกษัตริย์ได้ปรับตนอยู่ในระบอบอย่างสง่างามในสังคม ไม่ได้มุ่งหวังจะทำลายล้างแต่อย่างใด
กระผมทราบว่าท่านคงได้รับข้อมูลที่อาจมีคนเจตนาร้ายต่อพวกเราหรืออาจมุ่งหวังผลประโยชน์แอบอิงท่าน ใส่ร้ายพวกเราจนเกินจริง ให้ข้อมูลท่านเพียงด้านเดียว หรืออาจมีกระทั่งเสนอแนะให้ท่านกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อพวกเรา กระผมขอให้ท่านระมัดระวังคนพวกนั้นไว้ พวกเขาไม่ได้มีเจตนาดีต่อท่าน หากแต่มุ่งหวังจะอ้างท่านมาทำร้ายพวกเราเท่านั้น กระผมขอให้ท่านได้เปิดใจ พูดคุยกับพวกเราเพื่อแก้วิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน
“สัญญะแห่งความขัดแย้ง” ข้อแรกที่พวกเราเรียกร้องต่อรัฐคือ ให้เอาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพวกออกไปจากอำนาจ หากปล่อยให้คนคนนี้และคณะบริหารประเทศต่อไปย่อมนำพาประเทศสู่วิกฤติจนยากจะเยียวยาและย่อมเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาทั้งปวงที่กำลังเกิดขึ้น จากนั้นเราต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยและมีท่านอยู่ในรัฐธรรมนูญนั้นอย่างเหมาะสม และอยากเห็นท่านร่วมปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ร่วมกับพวกเรา
ความจริงเหมือนยาขม อาจทำให้ท่านโกรธเคืองหรือไม่พอใจไปบ้าง แต่นี่คือสิ่งที่กระผมในฐานะราษฎรทำได้คือ “การพูดอย่างตรงไปตรงมา” ด้วยความเคารพต่อท่านและเคารพต่อตัวเอง
วันนี้จะมีการชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน และมีจดหมายอีกหลายแสนหลายล้านฉบับส่งถึงท่าน หวังว่าท่านจะรับฟัง
อานนท์ นำภา
เขียนที่เชียงใหม่ ขณะมารับทราบข้อกล่าวหาจากการชุมนุมเพื่อให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
สาส์นของ “ไผ่ ดาวดิน”
8 พฤศจิกายน 2563
เรียน ในหลวงวชิราลงกรณ์
ตั้งแต่ท่านได้ขึ้นครองราชย์ กระผมก็โดนดำเนินคดี มาตรา 112 ในระหว่างที่ท่านอยู่อย่างสุขสบาย ยังมีราษฎรอีกมากมายที่ทนทุกข์
ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองไทยเกิดจากความอยุติธรรม ท่านมีอำนาจเหนือกฏหมาย ใช้อำนาจตามพระราชหฤทัย ประเทศไทยจึงห่างไกลประชาธิปไตย
ราษฎรมิใช่ศัตรูท่านแต่อย่างใด อย่าโกรธ เพราะพวกเราเห็นคุณค่าในความเป็นมนุษย์ อย่าเสียใจที่พวกเราเลิกเป็นฝุ่นใต้ธุลีพระบาท พวกเราแค่รู้สึกว่า ประเทศนี้เป็นของราษฎร พวกเราอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศนี้ ได้โปรดรับฟังเสียงของราษฎร ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เถอะขอรับ
ด้วยความเคารพในมนุษย์
ราษฎร
สาส์นของ “ทิวากร วิถีตน”
8 พฤศจิกายน 2563
เรียน กษัตริย์วชิราลงกรณ์
กระผมเป็นคนที่ริเริ่มใส่เสื้อยืด “เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว” ที่โดน กอ.รมน. อุ้มเข้าไป ร.พ.จิตเวช เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา คาดว่าท่านคงจะรู้จักกระผมอยู่ก่อนแล้ว
กระผมกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า กระผม คือ กัลยาณมิตรของท่านและสถาบันกษัตริย์โดยแท้จริง กระผมไม่ได้ดูหมิ่น ไม่ได้ด่าหยาบคาย ไม่ได้อาฆาตมาดร้ายใดๆ กระผมไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากท่าน จึงไม่จำเป็นต้องประจบเอาใจท่าน เหมือนคนทั้งหลายที่อยู่รายรอบตัวท่าน จุดยืนของกระผมตั้งแต่ต้นคือ หากในวันข้างหน้าฝ่ายประชาธิปไตยได้รับชัยชนะ กระผมต้องการให้ฝ่ายประชาชนนิรโทษกรรมให้ฝ่ายสถาบันกษัตริย์ในทุกกรณี
ในมุมมองของกระผมเห็นว่า สถานะและอำนาจของท่านและของสถาบันกษัตริย์ในปัจจุบัน อยู่ในจุดที่ทำให้ประชาชน “หมดศรัทธา” ต่อสถาบันกษัตริย์ ในขั้นวิกฤต กระผมเห็นว่า มันจำเป็นอย่างยิ่งที่สถาบันกษัตริย์ต้องปรับปรุง/ปฏิรูปตามข้อเสนอ 10 ข้อ กระผมเชื่อว่า มันเป็นหนทางเดียวที่เหลืออยู่ของสถาบันกษัตริย์ที่จะยับยั้งการ “หมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์” ของประชาชนที่มันลุกลามขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วอยู่ในขณะนี้
แต่ถึงแม้ว่า ท่านจะไม่เห็นด้วยและไม่ทำตามข้อเสนอ 10 ข้อ ก็ไม่เป็นไร กระผมขออย่างเดียวว่าท่านต้องไม่ส่งเสริมให้มีการใช้ความรุนแรง (ในทุกรูปแบบ) กับนักเรียนนักศึกษาและประชาชนที่ออกมาแสดงออกและออกมาชุมนุม เพราะถ้าไม่เช่นนั้นมันจะนำไปสู่การล่มสลายของสถาบันกษัตริย์ภายในเวลาไม่ช้านี้
ทิวากร วิถีตน
เขียนที่ไร่บ้านดอนช้าง ต.ดอนช้าง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
ทั้งนี้ทั้ง 3 คนได้รณณงค์ให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ จุตภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ซึ่งเป็นชาวจังหวัดขอนแก่น ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และถูกจำคุกกว่า 2 ปี ทำให้ต้องรับปริญญานิติศาสตร์บัณฑิตในเรือนจำ ส่วนการเคลื่อนไหวของ อานนท์ นำภา ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ถูกดำเนินคดีอย่างนับไม่ถ้วน ส่วน ทิวากร วิถีตน ชาวจังหวัดขอนแก่นก็ถูกควบคุมตัวใน ร.พ.จิตเวชขอนแก่นเป็นเวลา 13 วันและถูกฉีดยาที่ทางการแพทย์ไม่อธิบายให้ทราบว่า เป็นยาประเภทใดเข้าร่างกาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเขาในเวลาต่อมา