“ทิวากร วิถีตน” นักกิจกรรมชาวขอนแก่นส่งจดหมายฝากทนายความถึง “ไผ่ ดาวดิน” ที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อส่งกำลังใจ พร้อมกับบอกว่า “ผมยังคงสู้อยู่ และจะสู้ต่อไปจนกว่าประเทศไทยจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์” ล่าสุดทนายความได้อ่านจดหมายให้ไผ่ ดาวดิน ฟังแล้ว

ทิวากร วิถีตน เรื่อง

หมายเหตุ : เขียนระหว่างที่เลี้ยงวัวในสวนยาง บ้านดอนช้าง ต.ดอนช้าง อ.เมือง จ.ขอนแก่น

สวัสดีครับไผ่ ผมคิดถึงไผ่เสมอแต่ยังไม่มีโอกาสเขียนจดหมายถึงไผ่เลยสักครั้ง พอดีว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ไปเยี่ยมคุณหทัยรัตน์ (พหลทัพ บรรณาธิการ The Isaan Record) คุณหทัยรัตน์พูดถึงการเขียนจดหมายถึงไผ่ ผมก็เห็นด้วยในทันที จึงเป็นที่มาของจดหมายฉบับนี้

ผมรู้ดีและระลึกไว้ในใจอยู่เสมอว่า ไผ่เป็นตัวตั้งตัวตีและเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการประสานงานและทำทุกทางเพื่อเคลื่อนไหวกดดันรัฐไทยในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ผมได้รับการปล่อยตัวจาก รพ. จิตเวชขอนแก่น เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2563

เห็นได้ชัดว่า “รัฐไทย” ช่วงหลังรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันที่เป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจ มีนโยบายหลักคือกำจัดผู้ที่เห็นต่างจากรัฐไทย ดังนั้นการใส่เสื้อ “เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว” ของผม จึงถือเป็นเรื่องร้ายแรงในมุมมองของรัฐไทย จริงอยู่ว่ามันไม่ผิดทั้งในแง่กฏหมายและศีลธรรมใดๆ แต่ในที่สุดรัฐไทยก็ใช้วิธีใช้ พรบ.สุขภาพจิต เป็นข้ออ้าง แล้วอุ้มผม (ที่เป็นคนปกติ) เข้า รพ.จิตเวชขอนแก่นจนได้

การที่ผมโดนอุ้มเข้า รพ.จิตเวช ที่มีสาเหตุมาจากการพาดพิงสถาบันกษัตริย์ทำให้ญาติสนิทมิตรสหายของผมทุกคนเกินกำลังที่จะช่วยผมได้โดยปริยาย อย่าว่าแต่จะหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือผมเลย แม้แต่มาแสดงความเห็นใจและให้กำลังใจผมก็แทบจะไม่มี ซึ่งผมเดาว่า พวกเขาส่วนหนึ่งเป็นคนที่รักสถาบันกษัตริย์ก็เลยสมน้ำหน้าผม อีกส่วนหนึ่งถึงจะเห็นใจผมแต่ก็ไม่กล้าแสดงตัว เพราะพวกเขากลัวจะเดือดร้อนไปกับผมด้วย

เอาจริงๆ ผมได้เตรียมใจไว้ตั้งแต่ก่อนที่ผมจะใส่เสื้อตัวนี้แล้วว่า ถ้าผมใส่เสื้อตัวนี้แล้วผมจะต้องโดนรัฐไทยกำจัดอย่างแน่นอนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยไม่มีใครที่จะมาช่วยผมได้ แต่ในวันที่ผมประสบภัยที่ไม่มีใครช่วยผมได้นี้ กลับมีกลุ่มพระเอก/นางเอกขี่ม้าขาว นำโดย ไผ่ ดาวดิน ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผมอย่างเต็มกำลัง ช่วยให้ผมรอดพ้นจากการถูกเปลี่ยนจากคนปกติให้เป็นคนบ้าได้อย่างทันท่วงที

จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” ขณะเป็นเลขาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเข้ายื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดขอนแก่นขอให้ปล่อยตัวทิวากรจากการคุมขังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2563

ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ได้รับความช่วยเหลือจากไผ่ดาวดิน แต่ยังมี “เหยื่อ” อีกมากมายที่โดนรัฐไทยรังแก แล้วได้รับการช่วยเหลือจากไผ่ ดาวดิน ดังนั้นไผ่ ดาวดินจึงไม่ต่างอะไรกับ “วีรบุรุษ” ที่มีพลังเพียงพอที่จะมาคัดง้างและต่อสู้กับรัฐไทยที่มันกดทับ กดขี่ ข่มขู่ คุกคาม ทำร้าย และเข่นฆ่าประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม

ตอนนี้ไผ่ ดาวดิน ถูกรัฐไทยคุมขังอยู่ในเรือนจำโดยไม่เป็นธรรม ในฐานะที่ผมเป็นเหยื่อของรัฐไทยที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากไผ่ดาวดิน ผมขอให้กำลังใจ “วีรบุรุษ” ที่ยังมีลมหายใจที่ชื่อ “ไผ่ ดาวดิน” คนนี้ ผมรู้สึกละอายใจอยู่มากที่ผมไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะช่วยไผ่ ดาวดิน ได้ แต่อยากให้ไผ่รับรู้ว่า ผมยังระลึกถึงไผ่เสมอ อยากบอกให้ไผ่รู้ว่า ผมยังคงสู้อยู่และจะสู้ต่อไปจนกว่าประเทศไทยจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

ผมเคยให้สัมภาษณ์กับ VoiceTV (ช่วงที่ผมบิดมอเตอร์ไซค์จากขอนแก่น เพื่อไปยืนหยุดขังที่หน้าศาลฎีกา ช่วงสงกรานต์ปี 64) ไว้ว่า ในมุมมองของผมมองว่า คณะราษฎร’63 ชนะตั้งแต่เสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อ (เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 ที่เวทีธรรมศาสตร์ รังสิต) แล้ว เห็นได้ชัดว่า เผด็จการไทยเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ผมจึงอยากจะสดุดีไผ่และคณะราษฎร’63 ผู้กล้าทุกๆ คนว่า พวกคุณทุกคนกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว ชาญฉลาด และสุดยอดมาก ขอให้ไผ่และทุกๆ คนรักษาเนื้อรักษาตัวเองให้ดี เพื่อที่จะฉลองชัยร่วมกันในวันที่ฟ้าสีทองผ่องอำไพ และประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

เชื่อมั่นและศรัทธา

ทิวากร วิถีตน

4 ก.พ. 2565

หมายเหตุ: The Isaan Record ยินดีรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยความคิดเห็นที่แสดงบนเว็บไซต์ The Isaan Record ถือเป็นมุมมองของผู้เขียน ซึ่งไม่ได้เป็นมุมมองหรือความคิดเห็นของกองบรรณาธิการและเครือข่าย

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

ศาลขอนแก่นยกคำร้องขอตรวจสอบการควบคุมตัว “ทิวากร” ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

image_pdfimage_print